นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาท่องเที่ยว เชียงใหม่ โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook ระบุว่า สถานการณ์พีเอ็ม 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 17 มีนาคม ถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และคนที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ แต่การที่มีผู้เสนอจะประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่ฉุกเฉิน หรือประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัตินั้น ขอคัดค้านเพราะจะเป็นการซ้ำเติมเพิ่มปัญหาให้เชียงใหม่ อาจส่งผลกระทบเลวร้ายเป็นสองเด้ง เพราะว่า 1.ฝุ่นก็ยังไม่หายกระทบสุขภาพ 2.แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายหมดเสียก่อนเมื่อประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
โดยตัวเลขผู้โดยสารต่างประเทศบินตรงเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1-16 มีนาคมมีจำนวนรวม 52,416 คน อย่างน้อยก็มีเม็ดเงินเข้ามาให้คนเชียงใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเลี้ยงปากท้องทางตรงกว่า 1,000 ล้านบาท ถ้าปิดเมืองหรือประกาศเหตุฉุกเฉินสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ร้านค้าของที่ระลึก รถรับจ้าง และมัคคุเทศก์จะเป็นอย่างไร เกรงว่าปัญหาจะบานปลาย เกิดเอ็นพีแอลวนกลับมาอีก ในนามสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ขอร้องอย่าปิดเมือง อย่าประกาศให้เชียงใหม่เป็นเขตภัยพิบัติ
สอดคล้องกับนางละเอียด บุ้งศรีทอง ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ ยังไม่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพัก แต่อาจเห็นยอดจองที่พักและการเข้าท่องเที่ยวรายใหม่แผ่วลงบ้าง เพราะนักท่องเที่ยวต่างรอดูสถานการณ์ อีกทั้งปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมการตัดสินใจจองในระยะสั้น คือจองใกล้ ๆ วันเดินทาง