“การบินไทย” แจงจัดหาเครื่องบินใหม่ 45 ลำ ไม่ได้จัดซื้อ แต่เป็นการเช่าทดแทนอากาศยานปลดระวาง

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดหาเครื่องบินใหม่ของการบินไทย ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูที่ยื่นไว้ต่อศาลล้มละลาย รวมทั้งเป็นการจัดหาเพื่อทดแทนเครื่องบินที่มีกำหนดจะปลดระวางและทยอยหมดสัญญาเช่าลงในกรอบระยะเวลาข้างต้นในระยะ 10 ปี ไม่ได้เป็นการรับมอบเครื่องบินพร้อมกันในเวลาเดียวกัน อีกทั้งขอยืนยันว่าการบินไทยไม่ได้จัดซื้อเครื่องบิน แต่เป็นการจัดหาในลักษณะเช่าดำเนินงาน (Operating Lease)

อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ การบินไทยได้ลงนามในสัญญาจัดหาเครื่องบินและเครื่องยนต์ร่วมกับบริษัท โบอิ้ง และ บริษัท จีอี แอโรสเปซ เพื่อจัดหาเครื่องบินแบบลำตัวกว้างพิสัยกลางและไกลพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 45 ลำพร้อมสิทธิในการจัดหาเพิ่มเติม (Option Order) อีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำเข้าประจำการในฝูงบินของบริษัทฯตั้งแต่ปีพ.ศ. 2570–2576 ตามแผนเครือข่ายเส้นทางบินที่จัดทำขึ้น

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ออกเอกสารเชิญยื่นข้อเสนอราคา (RFP) ไปยังบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนบริหารเครือข่ายเส้นทางบินและฝูงบินระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาระดับความสามารถในการหารายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายและประมาณการทางการเงินที่จัดทำขึ้น

สำหรับการจัดหาเครื่องบินในครั้งนี้เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ เฉพาะ ณ สนามบินสุวรรณภูมิมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 51.3 ในปี 2556 เหลือเพียงร้อยละ 27.0 ในปี 2566 ส่วนหนึ่งด้วยข้อจำกัดด้านฝูงบินของบริษัทฯ ทั้งในเชิงปริมาณและประสิทธิภาพของเครื่องบินในฝูงบิน

โดยในปี 2556 บริษัทฯ มีเครื่องบินรวมทั้งสิ้นจำนวน 100 ลำ ต่อมาเมื่ออุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ประกอบกับการที่บริษัทฯ เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ได้ปลดระวางเครื่องบินจำนวนหนึ่งที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสูง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารเสื่อมสภาพ มีค่าซ่อมบำรุงที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี มีมูลค่าการลงทุนสูงและไม่คุ้มค่าที่จะปรับปรุงเพื่อคืนสภาพให้สามารถกลับมาปฏิบัติการบิน ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีเครื่องบินที่ใช้ในการปฏิบัติการบินเหลือเพียงจำนวน 64 ลำ หรือมีขนาดฝูงบินรวมลดลงร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556

โดยระหว่างปี 2565–2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้แก้ไขข้อจำกัดด้านฝูงบินโดยการจัดหาเครื่องบินด้วยวิธีเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติการบินรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยเป็นเครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 21 ลำซึ่งทยอยรับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินแบบ Airbus 350 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Rolls-Royce แบบ Trent XWB และจะเริ่มทยอยรับเครื่องบินลำตัวแคบแบบแอร์บัส 321neo ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2568 เป็นต้นไป ทำให้จำนวนเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 70 ลำในปี 2566 ที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นเป็น 79 ลำในปี 2567 และ 90 ลำในปี 2568 ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนเครื่องบินที่อยู่ในแผนปลดระวางและสัญญาเช่าจะทยอยหมดอายุลง ระยะเวลาการผลิตของผู้ผลิต และปริมาณความต้องการเครื่องบินในอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการจัดหาฝูงบินระยะยาวในครั้งนี้ จะส่งผลให้ในปี 2576 ฝูงบินของบริษัทฯ จะมีจำนวนเครื่องบินเหลือเพียง 51 ลำ หรือน้อยกว่าปี 2556 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสร้างรายได้ การรักษาส่วนแบ่งทางตลาด ขีดความสามารถในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนความสามารถในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อพิจารณาจำนวนเครื่องบินที่จัดหาเพิ่มเติมในคราวนี้จำนวน 45 ลำ ในปี 2576 บริษัทฯ จะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 96 ลำ ซึ่งก็ยังคงน้อยกว่าจำนวนเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ เมื่อปี 2556

ในส่วนของแผนการเงินที่จะนำมาชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าว ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมความพร้อมทางการเงินและคาดการณ์สภาพคล่องในอนาคตว่ามีจำนวนเพียงพอต่อการชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์ตามกรอบเวลาการจัดหา โดยบริษัทฯ จะพิจารณาแหล่งเงินทุนและเลือกวิธีการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งจะขึ้นกับสถานะการเงิน สภาพคล่องของบริษัทฯ และความคุ้มค่าทางการเงิน โดยจะเปิดกว้างพิจารณารูปแบบการเช่าดำเนินการและเช่าซื้อเครื่องบินในสัดส่วนที่เหมาะสม และการจัดหาเครื่องบินในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในการจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในกระบวนการ ดำเนินการตรงกับบริษัทผู้ผลิตทุกรายโดยไม่ผ่านตัวแทน อ้างอิงรูปแบบการดำเนินการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการบิน เทียบเคียงสายการบินชั้นนำอื่นๆ ในระดับนานาชาติ มีที่ปรึกษาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศร่วมพัฒนาแบบจำลองเครือข่ายเส้นทางบิน แบบจำลองและประมาณการทางการเงิน กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การคัดเลือกประเมินผลและการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิต

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles