กำลังซื้อขายของออนไลน์เจอแรงหน่วง คาดปี 68 โตแค่ 6.4% สัญญาณชัดอัตราโตแผ่ว 4 ปีติดกันจากปี 64 จับตาแนวคิดเก็บภาษีแวตร้านออนไลน์ขายต่ำ 1.8 ล้าน

กำลังซื้อขายของออนไลน์ เจอแรงหน่วง คาดปี 68 โตแค่ 6.4% สัญญาณชัดอัตราโตแผ่ว 4 ปีติดกันจากปี 64 จับตาแนวคิดเก็บภาษีแวตร้านออนไลน์ขายต่ำ 1.8 ล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า สำหรับปี 2025 ตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซในกลุ่มที่เป็นตลาดผู้บริโภคขั้นสุดท้าย หรือ B2C ในประเทศไทย จะชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะเติบโต 6.4% ซึ่งชะลอลงจากกำลังซื้อไม่ฟื้น มูลค่าตลาดดังกล่าว B2C E-Commerce ในประเทศ (หน่วย: แสนล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในแต่ละปีที่ผ่านมา) มีดังนี้ ปี 2020 มูลค่า 3.7 แสนล้าน +24.4% ปี 2021 มูลค่า 5.35 แสนล้าน +44.4% (ปีโรคโควิด-19 ระบาด) ปี 2022 มูลค่า 5.98 แสนล้าน +11.7% ปี 2023 มูลค่า 6.63 แสนล้าน +10.9% ปี 2024 มูลค่า 7.24 แสนล้าน +9.2% และคาดปี 2025 มูลค่า 7.70 แสนล้าน +6.4%

ในแง่การเติบโตนั้น ส่วนแบ่งตลาดออนไลน์ในกลุ่ม B2C E-Commerce ในด้านสัดส่วนเทียบมูลค่าค้าปลีกอุปโภคบริโภคภาพรวม พบว่า ในปี 2020 อยู่ที่ 8.3% ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็น 18% ในสิ้นปี 2025 นี้ สัดส่วนเทียบดังกล่าวเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหารและเครื่องดื่ม, ของใช้ส่วนตัว, สินค้าแฟชั่น, ของใช้-ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น

สำหรับ 5 สินค้ายอดนิยมบนออนไลน์เรียงตามลำดับ คือ แฟชั่น ความงาม ของใช้ส่วนตัว อาหาร และสินค้าสุขภาพ ในขณะที่ 3 ช่องทางซื้อ-ขายหลัก ได้แก่ 44% บน E-Market Place อันดับ 2. 36% บน Social Commerce และอันดับ 3. 20% บน Modern Trade/ Brand.com

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับธุรกิจ ได้แก่ 1.การแข่งขัน รุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ผลิตจีนที่มาทำตลาดโดยตรง 2. ความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่น คุณภาพสินค้า ราคา การจัดส่ง การบริการ 3. ต้นทุนสูงขึ้น เช่น ต้นทุนสินค้า

ค่าธรรมเนียมร้านค้า และ 4. ติดตามแนวคิดจัดเก็บภาษี VAT ร้านค้าออนไลน์ที่รายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles