รายงานจาก สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่าก่อนหน้านี้เงินบาทเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ทำผลงานดีที่สุดในภูมิภาคนับตั้งแต่เดือน ก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว หลังจากที่เงินบาทเคยดิ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเงินบาทอาจได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองของไทยที่จบลงด้วยการที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุด้วยว่าแม้ว่าชัยชนะของน.ส.แพทองธารจะช่วยให้ความวุ่นวายทางการเมืองบรรเทาลง และทำให้นักลงทุนสามารถมุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่เงินบาทอาจเผชิญกับแรงกดดัน เนื่องจาก น.ส.แพทองธารสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและยังส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับธปท. นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจจะยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
คริสโตเฟอร์ หว่อง นักกลยุทธ์ด้านปริวรรตเงินตราจากธนาคารโอซีบีซี แบงก์ สิงคโปร์ กล่าวว่า เงินบาทซบเซาลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเนื่องมาจากความผันผวนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เรายังคงจับตาดูว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะถูกยกเลิกหรือไม่ หรือจะมีมาตรการทดแทนอื่นๆ หรือไม่ แต่ในระยะสั้นนี้ คาดว่าเงินบาทอาจเผชิญกับความผันผวนที่สูงขึ้น รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นและความน่าดึงดูดด้านการลงทุนของไทยยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่นักวิเคราะห์ในตลาดจับตา นอกจากนี้ตลาดยังวิตกกังวลต่อกรณีที่น.ส.แพทองธารได้วิพากษ์วิจารณ์ธปท.ว่าเป็น “อุปสรรค” ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าในทางเทคนิคแล้ว การที่เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เปราะบาง และขณะนี้เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (oversold) โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าถึง 37.5 บาทต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนเมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาไทยในวันนี้ เงินบาทมีการซื้อขายที่ระดับ 34.5 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ เทรดเดอร์ต่างพากันจับตาผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของ ธปท. ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ โดยคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50%