นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวถึงการแก้กฎหมายการถือครองอาคารชุดของต่างด้าว จากเดิมไม่เกิน 49% เป็น 75% เชื่อว่าจะส่งผลดี ช่วยระบายสต๊อกอาคารชุดที่ยังคงค้างในระบบ ที่ในไตรมาส 1 เหลือขายเพิ่มขึ้นถึง22.3% ซึ่งต้องใช้เวลา 40 เดือนถึงขายหมด
แต่เห็นว่าควรกำหนดโซนสำหรับมาตรการนี้ให้ชัดเจน เช่น ให้ซื้อได้เฉพาะย่าน ศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ในกรุงเทพ เช่น สุขุมวิท ด่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต พื้นที่ EEC และตามหัวเมืองแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น และกำหนดช่วงเวลา อาจเริ่มต้นที่ 2 ปีก่อน และหากมีความจำเป็น ก็สามารถต่ออายุมาตรการได้ เช่นเดียวกับในช่วงปี 2542 ถึง 2547 ที่รัฐบาลในช่วงนั้นเคยกำหนดให้ต่างด้าวมีสิทธิ์ถือครองได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามาตรการ นี้เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือนายทุน
เช่นเดียวกับการแก้ไขกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ โดยการขยายระยะเวลาการเช่าจากเดิม 30ปี ต่อได้ไม่เกิน 50 ขยายเป็น 99 ปีนั้น ก็ควรกำหนดโซนเช่นกันโดยเป็นโซนที่อยู่อาศัยจริง หรือ หากเป็นการเข้ามาลงทุน ก็ให้มีข้อกำหนดวงเงินที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุน และต้องก่อให้เกิดการจ้างงานจากการเช่านี้ หรืออนุญาตให้สำหรับกลุ่ม High Net Worth นักลงทุนรายใหญ่ กลุ่มเกษียณแล้ว มีรายได้ดี รวมไปถึงกลุ่มคนที่ทำงานได้ทุกที่ หรือ work anywhere เพื่อให้มาใช้ชีวิต สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศไทย และอาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ เพื่อ คัดกรองไม่ให้เกิดการกว้านซื้อ และเช่าเพื่อเก็งกำไร และที่สำคัญต้องมีมาตรการดูแลคนในประเทศ ในการซื้อบ้านหลังแรกด้วย
อย่างไรก็ดี การให้เช่าที่ดิน 99 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะต่างประเทศก็ทำ ใกล้ๆ บ้านเรา เช่น เวียดนาม มีการให้สิทธิ์ต่างชาติเช่าที่ดินได้ถึง 50 ปี และมีการขยายเพิ่ม 99 ปีเช่นกัน