นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย โพสต์บทความเกี่ยวกับราคาทองคำกับเงินบาทแข็งค่ามาก มีดังนี้ ประเด็นที่ผมอยากแชร์ คือบทบาทของทองคำต่อค่าเงินบาท ที่ตอนหลังคนพูดถึงกันเยอะมาก ถามผู้จัดการทุนต่างชาติ ทุกรายก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า บาทแข็งกว่าเงินสกุลอื่นเพราะราคาทองคำ ไอเดียคือ เวลาราคาทองคำขึ้น ผู้ส่งออกจะขายทองคำทำกำไร แล้วเอาเงินดอลลาร์ที่ได้ แปลงเป็นเงินบาท เลยทำให้บาทแข็ง ปีนี้ราคาทองคำขึ้นมาก ค่าเงินบาทจึงแข็งมาก
ฟังดูก็ make sense แต่ แต่ แต่ ถ้าดูข้อมูลส่งออกทองคำของไทย แม้มูลค่าการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ แต่ก็เป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 4 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด ผลของการส่งออกทองคำต่อค่าเงินบาทจึงไม่น่าจะมาก ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยก็มีการนำเข้าทองคำจำนวนมากด้วย โดยในภาพรวม ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำสุทธิมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ถ้าใช้ตรรกะข้างต้น ค่าเงินบาทควรจะสวนทางกับราคาทองคำด้วยซ้ำ นอกจากนี้ พอไปดูเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งออกทองคำสุทธิ เพราะกำลังการผลิตในประเทศมีเกิน ปีนี้ค่าเงินเปโซอ่อนลงอีกต่างหาก
เทรนด์เงินบาทแข็งค่าที่ ธปท. ชี้แจงมาตลอด ไม่ได้มาจากทองคำ แต่มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (รายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด ลบด้วยรายจ่ายจากการนำเข้าสินค้าและบริการทั้งหมด) ที่เกินดุลสูง ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน คนที่มองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี ทำไมบาทยังแข็ง ต้องไปดูไส้ในด้วยว่า การส่งออกสุทธิของไทยปีนี้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทมาก
แล้วทองคำมาเกี่ยวได้อย่างไร? คือ ในระยะปีสองปีนี้ นักลงทุนต่างชาติสังเกตว่า ค่าเงินบาทรายวันมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับทองคำ ซึ่งตามหลักสถิติ มีสิ่งที่เรียกว่า Spurious correlation หรือความสัมพันธ์ที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่ง คือ การมีปัจจัยร่วมเดียวกัน เช่น ดอลลาร์อ่อนทำให้ราคาทองคำที่เป็นสินทรัพย์ทางเลือกปรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนก็ทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์แพงขึ้น ราคาทองคำกับราคาบาทก็เลยดูเหมือนไปด้วยกัน
แต่ในแง่ของนักลงทุนต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับราคาทองคำที่เห็นจะเป็นความสัมพันธ์จริงหรือไม่จริง ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับการที่เขาสามารถหากำไรจากความสัมพันธ์นี้ได้ และเมื่อมีคนหนึ่งทำกำไรได้ คนอื่นก็จะทำตาม หลายคนคงไม่ทราบว่า ปีนี้พันธบัตรรัฐบาลไทยให้ผลตอบแทนเป็นลำดับต้นๆของพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกิดใหม่ในมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นหลัก เอาชนะพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยสูงแต่ค่าเงินอ่อนแบบอินโดนีเชียได้อย่างสบายๆ และยิ่งตลาดมองว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก พันธบัตรรัฐบาลไทยก็เป็นอะไรที่ยังน่าลงทุน
ดังนั้น ราคาทองคำไม่ใช่ตัวการทำให้บาทแข็ง แต่เป็นตัวการที่ทำให้บาทแข็งกว่าที่ควรจะเป็น เพราะจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติมาผสมโรงด้วย แล้วข้อเสนอของทางการล่าสุดให้เก็บภาษีการซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์มีประโยชน์อะไร ที่เขียนมาทั้งหมดนี่ ดูจะชี้เป้าไปที่นักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก
ถ้าเราดูข้อมูลในสไลด์ที่ ธปท. แถลงร่วมกับกระทรวงการคลัง และ กลต. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 จะเห็นว่า นอกจากนักลงทุนต่างชาติจะเป็นคนขายดอลลาร์เวลาที่บาทแข็งแล้ว คนที่ขายหนักอีกคน คือ บริษัททองคำ (ร้านทอง) บางช่วงขายมากกว่านักลงทุนต่างชาติเสียอีก
ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานดูแลค่าเงินของ ธปท. เพราะรับผิดชอบเฉพาะการบริหารการลงทุนในต่างประเทศ ถ้ามีการแทรกแซงขาซื้อดอลลาร์ ก็มีเงินให้บริหารมากขึ้น ถ้ามีการแทรกแซงขาขายดอลลาร์ ก็มีเงินให้บริหารน้อยลง ข้อมูลที่เห็นจึงเห็นเท่าที่มีการแถลงต่อสาธารณชน อย่างไรก็ดี พออนุมานได้ว่า การขายดอลลาร์ของร้านทองเป็นปัจจัยสำคัญที่ซ้ำเติมเวลาบาทแข็งให้แข็งยิ่งขึ้นไปอีก
จุดสำคัญ คือ การขายดอลลาร์ของร้านทองเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมาจากธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ใช่เงินดอลลาร์จากการขายทองคำแท่งโดยผู้ส่งออก โดยเวลาราคาทองคำปรับสูงขึ้น นักลงทุนในประเทศจะขายทองคำออนไลน์เพื่อทำกำไร ซึ่งถ้าเป็นการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ก็จะไม่เกิดธุรกรรมเกี่ยวเนื่อง แต่ถ้าเป็นการขายในสกุลเงินบาท ร้านทองที่รับซื้อทองคำมาจะขายดอลลาร์ออกเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ซึ่งระยะหลังมูลค่าการซื้อขายทองคำบนแพลทฟอร์มออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะไม่ต้องถือทองคำจริง ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนไหวต่อราคาทองคำเกินกว่าที่ควร
จุดประสงค์หลักของการเก็บภาษีจากการซื้อขายทองออนไลน์จึงไม่ใช่การหารายได้เข้ารัฐ แต่เป็นการเพิ่มต้นทุนในการซื้อขายทองคำออนไลน์ที่อยู่ในรูปของเงินบาท มาตรการประเภทนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Put sand in the wheels ใส่แรงเสียดทานเพื่อมิให้การซื้อขายคล่องเกินไปจนนำไปสู่แรงกระแทกเพิ่มเติมต่อค่าเงินบาทโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ หากสามารถลดแรงกระแทกต่อค่าเงินบาทจากการซื้อขายทองคำออนไลน์ได้ โอกาสที่ค่าเงินบาทจะไปกับราคาทองคำในแต่ละวันก็จะลดลง สุดท้ายนักลงทุนต่างชาติก็น่าจะเก็งกำไรค่าเงินบาทลดลงไปด้วย เพราะเอาจริงๆ สำหรับประเทศที่นำเข้าทองคำสุทธิอย่างไทย มันไม่มีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์อะไรที่รองรับว่า ทำไมเงินบาทจะแข็งค่าตามราคาทองคำ (ยกเว้นในวันที่มีดอลลาร์อ่อนเป็นปัจจัยร่วม)
โดยสรุป ทองคำไม่ได้เป็นตัวการให้เงินบาทแข็ง แต่มูลค่าการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นมากเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามราคาทองคำมากเกินไป มาตรการภาษีที่ทางการกำลังพิจารณาเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยสกัดไม่ให้เงินบาทแข็งเกินหน้าเกินตาสกุลเงินเพื่อนบ้านในยามที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้น
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย