นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) มีมติให้ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ยังคงดำรงตำแหน่งของบริษัทตามเดิม แม้ว่าสำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่าคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับบริษัทและนายจักรพงษ์ ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของ JKN โดยให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 4,124,078 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิด 1 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
นางพรอนงค์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคลที่ตัดสินใจยอมรับหรือไม่ยอมรับมาตรการการลงโทษทางแพ่ง ที่ก.ล.ต. มีการกล่าวโทษ ซึ่งหากบุคคลไม่ยอมรับโทษดังกล่าว ก.ล.ต. จะส่งเรื่องต่อให้อัยการ เพื่อส่งฟ้องคดีสู่ศาลแพ่ง ซึ่งการยื่นนั้นยื่นด้วยอัตราโทษสูงสุดที่กฎหมายกำหนด โดยกฎหมายกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำผิดเป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุด 10 ปี อย่างไรก็ตามเมื่อไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของศาลแล้ว จะต้องไปพิสูจน์กับศาล ก.ล.ต. ยังไม่นำเหตุนี้มาเป็นเหตุในการพิจารณาคุณสมบัติตามกฎหมาย
อนึ่ง มาตรการลงโทษทางแพ่งมีทั้งการปรับเงินและการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ซึ่งหากยอมรับมาตรการดังกล่าวจะทำให้เป็นผู้บริหารหรือกรรมการไม่ได้ จะขาดคุณสมบัติไป แต่หากไม่ยอมรับมาตรการก็จะถูกส่งต่อคดีไปที่ศาลแพ่งด้วยอัตราโทษสูงสุด
“การตัดสินใจเข้ามายอมรับหรือไม่ยอมรับ เป็นการตัดสินใจของแต่ละท่าน เราไม่ก้าวล่วง แต่สำนักงานก.ล.ต. เรายุติแล้วว่าท่านมีความผิด คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ก็เห็นชอบในการใช้มาตรการทางแพ่ง ที่เหลือก็รอผลว่าบุคคลมายอมรับหรือไม่ยอมรับ”