คนไทยมีทัศนคติการเงินระดับสูง มองเป้าหมายแก้หนี้ยันเผชิญคดีหนี้สำคัญสุด ถ้าต้องกู้หนี้มาให้คนรัก มองว่าสำคัญท้ายๆ

คนไทยมีทัศนคติการเงินระดับสูง มองเป้าหมาย แก้หนี้ ยันเผชิญคดี หนี้ สำคัญสุด ถ้าต้องกู้หนี้มาให้คนรัก มองว่าสำคัญท้ายๆ

นายวราวิชญ์ โปตระนันทน์ นักวิจัยด้านน โยบายด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบัน TDRI เปิดเผยการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้มีหนี้ที่เป็นแรงงานในระบบ มีรายได้สม่ำเสมอ จำนวน 307 รายในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ถึงมกราคม 2568 พบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่รู้แต่ไม่ทำ ให้สุขภาพทางการเงินของตนเองดีขึ้น

ผลสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าแม้บุคคลจะมีทัศนคติ และความรู้ทางการเงินในระดับสูง โดยคิดเป็นคะแนน 85% และ 70% ตามลำดับก็ตาม แต่กลับไม่ลงมือทำ กล่าวคือมีระดับการลงมือจัดการเรื่องการเงินของตนเองมีคะแนนรั้งท้าย โดยคิดเป็น 65% แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานอย่างการไม่ยอมจดบัญชีครัวเรือนและบันทึกรายรับ–รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอรวมถึงขาดการวางแผนการใช้จ่าย บัตรเครดิต และการออมอย่างถี่ถ้วน

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ย: คำถามด้านความรู้ทางการเงิน 69.56% มาจากคำถามดังนี้ (เรียงจากเปอร์เซ็นต์น้อยสุดไปมากสุด)

เลือกสินเชื่อ 34.53%

คำนวณดอกเบี้ย 49.84%

ดำเนินคดีหนี้ 51.34%

หลักการออมเงิน 57.33%

รับมือทวงหนี้ 60.26%

สัญญาณหนี้ไม่ไหว 74.92%

สถานะการเงินที่ดี 78.83%

แหล่งกู้ไม่ควรเลือก 83.39%

หนี้ที่ดี 87.62%

สัญญาณมิจฉาชีพ 89.58%

ทางแก้หนี้ 97.72%

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ย: คำถามด้านทัศนคติทางการเงิน 84.89% มาจากคำถามดังนี้

หนี้ก่อได้เพื่อคนรัก 75.70%

หวยไม่ทำให้รวย 76.03%

แชร์ไม่ทำให้รวย 80.39%

ออมแม้ยังมีหนี้ 85.15%

พนันไม่ทำให้รวย 87.23%

ปัญหาหนี้มีทางออกเอง 88.27%

ใช้ชีวิตเพื่อวันนี้ 89.38%

เผชิญหน้าคดีหนี้ 91.86%

ตั้งเป้าปลดหนี้ 93.09%

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ย: คำถามด้านการจัดการการเงิน 65.07% มาจากคำถามดังนี้

บัญชีครัวเรือน 29.91%

บันทึกรายรับรายจ่าย 37.73%

จ่ายบัตรเครดิต 55.02%

ออมฉุกเฉิน 55.23%

ออมเพื่อเกษียณ 58.55%

วางแผนค่าใช้จ่าย 60.10%

ใช้สินเชื่อดอกต่ำ 66.13%

คิดใช้คลินิกหนี้ 66.39%

คุยปัญหาการเงิน 68.24%

หารายได้เสริม 69.92%

ควบคุมรายจ่าย 71.25%

เจรจาหนี้นอกระบบ 73.28%

ขอปรับโครงสร้างหนี้ 75.20%

ขายทรัพย์สินใช้หนี้ 77.97%

ลดเล่นหวย 78.99%

คิดจะปฏิเสธค้าประกัน 85.04%

ปฏิเสธสำเร็จแล้ว 89.75%

ลดเล่นแชร์ 94.22%

ลดการพนัน 97.15%

ทั้งนี้ การศึกษาในต่างประเทศสะท้อนว่าบุคคลที่มีความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมทางการเงินที่เหมาะสมจะมีการกู้ยืมเงินและการบริหารจัดการหนี้ที่พึงประสงค์ เช่น การเป็นหนี้บัตรเครดิตลดลง ความรู้สึกไม่สบายใจที่จะก่อหนี้ และบริโภคหรือก่อหนี้ลดลง ดังนั้น นอกเหนือจากการบริหารจัดการหนี้ที่สุ่มเสี่ยงหรือกลายเป็นหนี้เสียหรือค้างชำระไปแล้ว การกลับมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่พฤติกรรมทางการเงินส่วนบุคคล และการจัดการหนี้ที่ยังมีสถานะดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและนำไปสู่การแก้หนี้ที่ยั่งยืน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles