ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) นายสุรพล โอภาสเสถียร โพสต์ข้อความเกี่ยวกับภาวะหนี้เสีย หนี้เสี่ยงจะเสีย เป็นข้อมูลสิ้นสุดถึงเดือนสิงหาคมผ่านมา มีดังนี้
19.10.2567 สรุปตัวเลขสิ้นสุดเดือน 8,สิงหาคม 2567 ซึ่งขอเน้นว่ายังไม่เห็นหรือรวมผลกระทบจากการที่เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ โดยตัวเลขที่น่าสนใจจะเป็นตัวเลขสิ้นสุดไตรมาส 3,กันยายน 2567 ซึ่งจะออกมาในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ มีการสรุปดังนี้
1.จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโรครอบคลุมหนี้สินรายย่อยของประชาชนที่ไม่รวมลูกหนี้นิติบุคคลนั้นซึ่งรวบรวมจากสถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโรกว่า 158แห่งพบว่ามียอดสินเชื่อ 13.63ล้านล้านบาท มีการเติบโต 0.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมาและ 0% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้านี้ คือแทบไม่มีการเติบโต
2.หนี้เสียหรือ NPL มาหยุดอยู่ที่ 1.18ล้านล้านบาทเคลื่อนที่ช้าๆไปสู่จุด 1.2ล้านล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 2567 คิดเป็นอัตราส่วน 8.7%ของยอดสินเชื่อรวมครับ แน่นอนว่าหนี้เสียก้อนนี้ที่ค้างเกิน 90วัน กำลังรอมาตรการแก้ไขแบบแรงๆ มีแรงจูงใจสูงทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ให้เข้ามาตกลงกัน ภายใต้กติกาที่ผู้กำกับดูแลน่าจะได้ขยับเข้ามากระชับพื้นที่(ได้แล้ว) ผลัดกันเขียน เวียนกันอ่าน ผ่านกันชม เม้นท์กันไปมา หาเหตุติชม มันอาจกินเวลาที่ดอกเบี้ยมันเดินทุกเมื่อเชื่อวันของผู้คนปกติธรรมดา เดินดิน กินข้าวกล่อง ที่ไม่ได้เข้าใจภาษาเทพภาษาพรหมของท่านๆนะครับ ภาษาชาวบ้าน จะทำอะไรก็รีบทำ ดอกมันเดินทุกวัน จะได้กดเข็มไมล์เดินหน้ากับชีวิตพิชิตหนี้กันต่อไป…
3.หนี้กำลังจะเสียหรือหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษหรือ SM.ในเดือนสิงหาคม 2567 ในระบบของเครดิตบูโรมาหยุดอยู่ที่ 6.4แสนล้านบาทคิดเป็น 4.7% นิ่งๆ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ DR หรือ Preemptive Debt Restructure. ที่เริ่มให้มีการบันทึกข้อมูลในระบบเครดิตบูโรตั้งแต่เมษายน 2567 ตอนนี้มียอดสะสมจนถึงสิงหาคม 2567 คิดเป็นจำนวน 1ล้านบัญชีเศษ ผมก็ไม่รู้ว่าทำกันมากน้อยเพราะไม่มีตัวเลขเปรียบเทียบก่อนหน้าเดือนเมษา 2567 เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บข้อมูลนี้ จำนวนเงินที่ทำ DR สะสมจนถึงตอนนี้ 5.4แสนล้านบาท มาตรการนี้เป็นเหมือนฝายทดน้ำไม่ให้ SM.ไหลไปเป็น NPLs เพราะตามเกณฑ์การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ เจ้าหนี้ต้องยื่นข้อเสนอให้ลูกหนี้ถ้าเห็นว่าลูกหนี้จะผ่อนตามเงื่อนไขเดิมไม่ไหว
กล่าวคือปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะค้างเกิน 90วัน ที่กำลังมีจำนวนทวีเพิ่มคือ ลูกหนี้เริ่มร้องมาที่เครดิตบูโรว่า พอเขาไปทำ DR. มันกลายเป็นเหตุทำให้เขาขอสินเชื่อไม่ได้ ถูกปฎิเสธ หรือบางลูกหนี้บอกว่าเขายอมเข้าโครงการ DR.เพราะนึกว่าวันไม่ใช่การปรับโครงสร้างหนี้ที่จะมีการใส่รหัสไว้ในรายงานเครดิตบูโร บางรายก็บอกว่าข้อเสนอเจ้าหนี้ที่ให้ทำ DR. ไม่พูดชัดว่าถ้าทำแล้วอาจจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง กล่าวสรุปคือบอกว่า รู้ว่าจะโดนปฎิเสธสินเชื่อก็อาจจะไม่เข้าโครงการ DR. ท่านที่ออกกติกาครับ โปรดลงไปพูดจาให้เกิดการปฎิบัติอย่างที่ท่านมุ่งหมายด้วยนะครับ เป้าตัวเลขที่อยากได้ กับปริมาณคำร้องมันเริ่มทวีมากขึ้น เอาใจลูกหนี้มากก็เละ ไม่ชัดกับเจ้าหนี้ก็ละล้าละลังกัน สถานการณ์กลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึง ถ้ายังเป็นแบบนี้ ทำอยู่ผิดที่ 10ปีก็ไม่ถึงเป้าหมายครับ
4.ประเด็นสำคัญจากการตัดสินใจของกนง.ว่าเหตุปัจจัยที่ออกมา 5:2 ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายนั้นคืออะไร ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กๆคือบัญชีสินเชื่อที่ถือว่าเป็นหนี้เรื้อรังต้องได้รับการแก้ไข(SPD) ได้รับข้อเสนอให้เข้าโครงการแก้ไข และตอบรับการเข้าแก้ไขมีจำนวน 5.3พันบัญชีจากจำนวน 5แสนบัญชีที่เข้าข่ายหนี้เรื้อรัง(ข้อมูลตามการแถลง)คิดเป็นเงินที่เก็บข้อมูลได้ 247ล้านบาทจากยอดที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง 9.7 หมื่นล้านบาท(ข้อมูลตามการแถลงเช่นกัน)
เมื่อเราได้มีตำแหน่งหน้าที่ตามที่เรามุ่งหวัง ทะเยอทะยาน มุ่งมั่นเติบโต หรือเราได้สมัครเข้ามาทำหน้าที่นั้นแล้ว อย่ากลัวที่จะเสียตำแหน่ง แต่ควรกลัวที่จะไม่ได้ใช้ตำแหน่งแห่งที่อำนาจวาสนานั้นอย่างเต็มศักยภาพ คุ้มกับค่าจ้าง เพื่ออำนวยผลประโยชน์ในทางบวกแก่ผู้คน (เปราะบาง แม้ไม่มีคำนิยามชัดจนถูกกล่าวว่ามันคือเพียง”วาทกรรม”) ตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนาน(การทำเรื่องดีๆ)อยู่ตลอดไป, ไม่ทำอะไรสักที อยู่ 4-5ปีก็ไลฟ์บอย#