นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.พิจารณาอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวนเงิน 200 ล้านบาท เพื่อเป็นการเตรียมเงินทุนหมุนเวียน และรับรองธุรกรรมการให้บริการรับจำนำแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ
โดย สธค. คาดการณ์การเติบโตของมูลค่ารับจำนำในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 1,198,947 ราย เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 35,088 ราย หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3.01 และจำนวนเงินรับจำนำประมาณ 21,221.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 618.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3 เนื่องจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยยังคงต้องการเงินเพื่อใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโรงรับจำนำของรัฐบาล
จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของภาครัฐในการเป็นแหล่งพึ่งพิงที่สำคัญสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งไม่มีเครดิตเพียงพอที่จะไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอื่น ประกอบกับในปีงบประมาณ 2568 สธค. มีแผนการขยายสาขาจำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาที่ 48 (จังหวัดนครปฐม) และสาขาที่ 49 (จังหวัดร้อยเอ็ด)
ทั้งนี้ สธค. ได้จัดทำแผนความต้องการใช้เงินกู้ระยะยาวปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อรองรับสภาพคล่องทางการเงินขององค์กรในการใช้หมุนเวียนรับจำนำและอื่น ๆ และรองรับสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้น ซึ่งหาก สธค. ไม่ดำเนินการกู้เงินระยะยาว สธค.จะมีเงินสดคงเหลือปลายงวดติดลบ ดังนั้น สธค. จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำแผนการกู้เงินระยะยาววงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อบริหารความเสี่ยงและบริหารสภาพคล่องทางการเงินของ สธค.
สธค. มีความสามารถชำระหนี้เงินกู้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำส่งเงินรายได้แผ่นดิน ตามที่ กค. กำหนด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทางการเงินการคลังของรัฐบาลในภาพรวมและคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ ในการประชุมครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2567 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติเห็นชอบแผนความต้องการใช้เงินกู้ระยะยาว ประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 200 ล้านบาท รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เห็นชอบให้ พม. กู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของ สธค. ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 200 ล้านบาท โดย กค. ไม่ค้ำประกัน นอกจากนี้ วงเงินดังกล่าวได้รับการบรรจุในแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ด้วยแล้ว