นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังชะลอตัว ยังจำเป็นต้องติดตามผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ทิศทางค่าเงินบาท นโยบายใหม่ของรัฐบาล และความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด
โดยมูลค่าการส่งออก เดือนสิงหาคม 68 มูลค่า 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ติดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ร้อยละ 5.8 นับว่าการส่งออกขยายตัว ในอัตราชะลอลง หลังจาก ภาษีศุลกากรสหรัฐฯ บังคับใช้ ในเดือนสิงหาคม 68 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้า ไทย 2.58 ล้านคน ลดลงร้อยละ -12.8 สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนสิงหาคม 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.4 จากระดับ 86.6 ในเดือนก่อนหน้า จากความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ปัญหาอุทกภัย
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคม 68 อยู่ที่ร้อยละ -0.79 สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ร้อยละ 64.5 ต่อ GDP ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง รองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 267.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ ภาพรวมภาวะตลาดการเงินไทยล่าสุด เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศในเดือนสิงหาคมซื้อสุทธิสูงถึง 18,370 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี (YTD) อยู่ในระดับสูง 116,613 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มสถาบันในประเทศ กลับมาซื้อสุทธิในเดือนกันยายน 5,144.26 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนสิงหาคมที่ซื้อสุทธิ 3,851.32 ล้านบาท ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ยังคงมียอดขายสุทธิในเดือนกันยายน –5,739.65 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ –19,873 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนต่างชาติ แม้ยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย –9,083 ล้านบาท ในเดือนกันยายน แต่มียอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ในระดับสูง 28,977.56 ล้านบาท บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพด้านการคลังและพันธบัตรรัฐบาลไทย แนวนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักยังคงอยู่ในระดับตึงตัว