สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และการขยายตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ในเดือนตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.1% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -1.4% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนตุลาคม 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 50.7 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”
อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางการค้าจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนตุลาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -5.3% และ -13.7% ตามลำดับ
ด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนตุลาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.2% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -5.3% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนตุลาคม 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.7% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.8%
ขณะที่ มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ 28,835.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ที่ 5.7% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 15.7% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมถึงการส่งออกไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป
ด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนตุลาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.57 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.9% แต่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 8.3%
ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนตุลาคม 2568 จำนวน 23.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.0% ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.1% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.6% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ
ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ร้อ -0.76% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.61% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 64.8% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 272.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจาก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลก (Global Composite PMI) ในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 52.9 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.5 จุด ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคบริการ (Global Service PMI) ในเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 53.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 52.9 จุด
ภาพรวมภาวะตลาดการเงินไทยล่าสุด เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน โดยเฉพาะในตลาดทุน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศ แม้จะเริ่มมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามาบ้างในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 (มูลค่า 1,251.61 ล้านบาท) แต่ยังคงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย