ค่าเงินบาทเปิดแข็งค่าจากตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท วันนี้ อยู่ที่ระดับ  36.62 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.65 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ และประเมินกรอบเงินบาท 36.35-36.85 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐ

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ที่แคบลงตามที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 36.60-36.66 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการในวันหยุด 4th of July ทำให้สินทรัพย์ในตลาดส่วนใหญ่ต่างเคลื่อนไหวในกรอบ sideways นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ (ซึ่งคาดการณ์จาก Exit Polls ล่าสุด สะท้อนว่า พรรคแรงงาน หรือ Labour party จะได้ที่นั่งในสภาถึง 410 ที่นั่งจาก 650 ที่นั่งทั้งหมดในสภา) รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในช่วงกลางคืนของวันศุกร์นี้ 

ทั้งนี้ เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways แถวโซน 36.50-36.70 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเรามองว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หากผลการเลือกตั้งทั่วไปสะท้อนว่า พรรคแรงงาน (Labour party) สามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาได้จริงตามผล Exit Polls ที่ออกมา 

จากสถิติในอดีตตั้งแต่ปี 1990 พบว่า การแข็งค่าของเงินปอนด์ในระยะสั้นอาจเป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันศุกร์นี้ (เวลาราว 19.30 . ตามเวลาประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติได้เช่นกัน หลังล่าสุด ดัชนี SET เริ่มมีแนวโน้มกลับตัว รีบาวด์ขึ้นได้บ้าง เปิดโอกาสให้ในระยะสั้น นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยได้บ้าง แต่ก็อาจรอขายในจังหวะที่ดัชนีติดโซนแนวต้าน หากไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน หรืออาจกล่าวได้ว่า นักลงทุนต่างชาติอาจเน้น rages-trade ซื้อขายในกรอบ ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจรวมถึงโฟลว์ธุรกรรมในฝั่งตลาดบอนด์ ซึ่งเราเห็นว่านักลงทุนต่างชาติจะเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip and Sell on Rally เป็นหลัก จนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่ชัดเจน 

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งหากสะท้อนภาพการชะลอต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงต่อได้บ้าง หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ในทางกลับกัน หากข้อมูลการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอีกครั้ง ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นได้เร็วและแรง หลังล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 87% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles