นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.07 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 36.25 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางภูมิภาคและตลาดโลก แต่ยังขาดปัจจัยใหม่ชี้นำ โดยตลาดรอดูรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะออกมาในช่วงกลางสัปดาห์
“บาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค ลงมาอยู่ใกล้ระดับเมื่อสองเดือนก่อน ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ชี้นำ แต่วันนี้อาจมี Flow จากผู้ค้าทอง ที่หนุนบาทให้แข็งค่า” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.00 – 36.20 บาท/ดอลลาร์ สำหรับปัจจัยใน ประเทศที่ตลาดรอดูวันนี้เป็นการประกาศตัวเลขภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 67 จากสภาพัฒน์ และกระแสเงินทุนต่างประเทศ (Flow) จากผู้ค้าทอง หลังราคาทองในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น
ด้านนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 36.05 -36.30 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ยังคงติดอยู่แถวโซนแนวรับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ขณะที่ผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อเงินบาท ก็อาจรอจังหวะเปิด/เพิ่มสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) เช่นกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนได้ชะลอลงตามที่ตลาดคาดหวังไว้
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง โดยเงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าลง หาก GDP ไตรมาสแรกออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง อนึ่ง ควรจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด หลังราคาทองคำมีผลกับทิศทางเงินบาทพอสมควรในช่วงระยะสั้น
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น มฃองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้น หากดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ออกมา “ดีกว่าคาด” ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็อาจได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาแย่กว่าคาด ลดโอกาส BOJ ขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยสัปดาห์นี้ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงาน GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของไทยได้