ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า มัทฉะมีต้นกำเนิดมาจากจีน ได้รับการพัฒนาและผสมผสานวัฒนธรรมในญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมทั่วโลกจากกระแสในโซเชียล สำหรับปริมาณการผลิตมัทฉะในญี่ปุ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายแบรนด์มัทฉะในญี่ปุ่นมีการจำกัดการซื้อ
ในปี 2025 ราคาเฉลี่ยมัทฉะของญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นเกือบ 70% จากระดับสูงสุดในปี 2016 โดยกระบวนการผลิตมัทฉะคุณภาพสูงที่มีความพิถีพิถันและต้องใช้เวลา โดยไม่สามารถเร่งการผลิตให้ได้เพียงพอความต้องการในระยะเวลาสั้น
ปัจจุบัน มัทฉะจากจีนพัฒนาและเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ปี 2025 คาดผลิตได้มากกว่า 5,000 ตัน โดยครึ่งแรกของปี 2025 เริ่มมีส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นราว 4 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบอีก 6 ตัน ซึ่งคาดว่าในระยะต่อไปอาจจะมีการส่งออกไปเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณภาพของมัทฉะจากจีนในมุมมองของผู้ดื่มยังต่างจากมัทฉะจากญี่ปุ่น
มณฑลกุ้ยโจวเป็นแหล่งผลิตมัทฉะสำคัญของจีน ขนาดพื้นที่ปลูกชาอยู่ที่ 10.000 เฮกเตอร์ หรือเท่ากับพื้นที่ปลูกคิดเป็น 1 ใน 5 ที่ผลิตมัทฉะ ด้านปริมาณยอดขายมัทฉะ พบว่าในปี 2024 มีมากกว่า 1,200 ตัน เป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านหยวน หรือกว่า 1,365 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระแสความนิยมมัทฉะในไทยยังสูง โดยร้านมัทฉะในไทยเพิ่มขึ้นจากหลายปีก่อนอย่างมาก ผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือในเรื่องของราคา และคุณภาพของมัทฉะ