ข้าวไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กำลังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.–ก.ย.) ข้าว GI จำนวน 24 รายการ จาก 31 จังหวัดทั่วประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 8,190 ล้านบาท และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนกว่า 600,000 ครัวเรือน สะท้อนถึงคุณภาพ อัตลักษณ์ และความเชื่อมโยงกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ทำให้ข้าว GI ไทยเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและตลาดโลก
ข้าว GI ที่สร้างมูลค่าสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิพะเยา ที่มีรายได้กว่า 6,156 ล้านบาท ตามด้วยข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี ซึ่งล้วนมีเอกลักษณ์ด้านกลิ่น รสสัมผัส วิธีการปลูก และสภาพแวดล้อมเฉพาะถิ่น
นอกจากนี้ ยังมีข้าว GI หลากหลายสายพันธุ์จากทุกภูมิภาค เช่น ข้าวก่ำล้านนา ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ไปจนถึงข้าวพื้นถิ่นที่โดดเด่นด้านโภชนาการและการแปรรูป
ความสำเร็จของข้าว GI ไทยเกิดจากการคุ้มครองและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด การพัฒนาตลาดพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศ และการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านเรื่องราว วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดช่วยเพิ่มมูลค่าข้าวไทย กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรไทยในระยะยาว