นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บบรายได้รัฐบาลที่ต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นสัญญาณที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในสภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการซื้อที่ลดลง เนื่องจากการดำเนินนโยบายคงอัตรา ดอกเบี้ย ให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะการตัดสินใจซื้อรถยนต์ และที่อยู่อาศัย ที่แม้จะยังมีดีมานด์อยู่แต่ประชาชนขาดความสามารถในการผ่อนชำระ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงจึงทำให้ยอดผ่อนชำระสูงขึ้นด้วย ดังนั้นยอดโอนรถยนต์ หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงจึงทำให้การจัดเก็บภาษีซึ่งเป็นรายได้ของรัฐบาลลงตามไปด้วย
นายลวรณ เชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยลงในเวลานี้ จะช่วยเข้ามาประคับประคองเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาวะซบเซาได้ และเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าภาครัฐจะเริ่มดำเนินมาตรการเพื่อเข้ามาช่วยประคองเศรษฐกิจ ขณะที่หากปล่อยให้เศรษฐกิจซบเซาลงต่อเนื่อง จะต้องใช้งบประมาณมากกว่าในปัจจุบันเพื่อดึงให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมา โดยการลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจในทันที แต่อาจต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือน จึงไม่กังวลประเด็นที่ว่าจะกระทบกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศ รวมทั้งประเด็นที่ว่าจะทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของไทยก็มีความต่างจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมากอยู่แล้ว
รายงายจากกระทรวงการคลังได้เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปี งบประมาณ 2567 (ต.ค.2566 – ม.ค.2567) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 824,115 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,836 ล้านบาท หรือ 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ขณะที่หน่วยงานที่จัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีการนำส่งรายได้เหลื่อมมาจากปีก่อนหน้า และกรมสรรพากร โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษรวม 36,666 ล้านบาท จากฐานการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รัฐบาลสุทธิจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7%
ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี มียอดจัดเก็บที่ 835,477 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 15,899 ล้านบาท หรือ 1.9% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 1.8%
ส่วนฐานะการคลังของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.2566 – ม.ค.2567) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังท้ังสิ้น 831,752 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณท้ังสิ้น จำนวน 1,182,526 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 20,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนม.ค.2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 172,928 ล้านบาท