ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung) บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลกจากเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ได้เริ่มต้น การทยอยปลดพนักงานในสัดส่วน 10% หรือเป็นจำนวนหลายพันคนที่อยู่ในประเทศแถบอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยจำนวนพนักงานที่ถูกปลดออกในแต่ละประเทศในอาเซียน และอีก 2 ประเทศดังกล่าวนั้น จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของพนักงานในแต่ละประเทศ
การทยอยเริ่มปลดพนักงานในอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นไปตามแผนการปลดพนักงานในภาพรวมทั้งหมด 44,000 คนใน 4 ทวีป ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายนผ่านมา
ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 กันยายนผ่านมาว่า เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่ทั่วโลกเป็นสัดส่วนมากถึง 30% ของพนักงานในปัจจุบันที่ทำงานต่างประเทศ หรือคิดเป็นกว่า 44,100 คน ซึ่งพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออกจะอยู่ใน 3 สายงาน ได้แก่ การตลาด การขาย จะถูกปลดออก 15% และธุรการจะถูกปลดออก 30% ที่ทำงานอยู่ใน 4 ทวีป ได้แก่ อเมริกา ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา โดยการปลดพนักงานทั้งหมดจะมีขึ้นภายในสิ้นปี 2024 นี้
ข้อมูลการจ้างงานสิ้นสุดเมื่อสิ้นปี 2023 พบว่า ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ มีพนักงานรวมกันทั้งสิ้น 267,800 คน ในจำนวนนี้มีมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือราว 147,000 คนทำงานในต่างประเทศ นอกจากนี้ พนักงานส่วนใหญ่ของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จะอยู่ในสายงานการผลิต และการพัฒนา และพนักงานฝ่ายขายและการตลาดจะมีประมาณ 25,100 คน ใสขณะที่มีพนักงานจำนวน 27,800 คน ทำงานในสายงานอื่นๆ
คำสั่งการปลดพนักงานซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ในครั้งนี้ พบว่า บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้ส่งไปยังบริษัทฯ ที่มีสาขาสำนักงานในแต่ละทวีปเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม โดยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ที่อินเดียได้มีการแจ้งกับพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออก ได้แก่ พนักงานฝ่ายบริหารระดับกลาง พร้อมด้วยการเสนอแพคเกจการชดเชยตามกฎหมาย โดยคาดว่าพนักงานมากถึง 1,000 คนของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์อินเดีย หรือราว 4% ถูกปลดออกจากจำนวนพนักงานทั้งหมด 25,000 คนในอินเดีย ขณะที่ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ที่ประเทศจีน มีการเปิดเผยว่าพนักงานจะถูกปลดออกมากถึง 30% ในสายงานฝ่ายขาย (มีต่อหน้า 2/2)
สาเหตุการตัดลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมากด้วยการปลดพนักงานครั้งใหญ่เกิดขึ้นจากธุรกิจไมโครชิปของซัมซุงเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง และมีการเติบโตอย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญ ทำให้ผลประกอบการด้านกำไรของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ในปีผ่านมาตกต่ำลงถึง 15% ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ได้ปรับเปลี่ยนผู้บริหารในสายงานธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อแก้ไขวิกฤติไมโครชิป ในความพยายามที่จะแข่งขันกับบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ ซึ่งผลิตและจำหน่ายไมโครชิพระดับเกรดคุณภาพสูง สำหรับตลาดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ
ด้านธุรกิจสมาร์ทโฟนในกลุ่มตลาดระดับพรีเมี่ยมพบว่า ซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งสำคัญอย่างไอโฟนของแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น และหัวเหว่ยจากจีน ท่ามกลางความล่าช้าของสัญญาการผลิตไมโครชิปที่ผลิตโดยทีเอสเอ็มซีให้กับซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ นอกจากนี้ในตลาดประเทศอินเดีย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงของพนักงานบริษัทฯ ในประเด็นผลตอบแทนพนักงานส่งผลให้การผลิตสินค้าของ ซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ สะดุดหยุดลง
ไม่เพียงปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและส่งผลกระทบกับธุรกิจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีเทคโนโลยี นอกจากนี้ ซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ หันกลับมาเน้นนโยบายการประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ การปลดพนักงานครั้งใหญ่ของ ซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ ยังไม่มีมีการยืนยันชัดเจนว่าจะมีการปลดพนักงานที่สำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตผลิตต่างๆที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้หรือไม่เนื่องจากในขณะนี้สถานการณ์การจ้างงานในเกาหลีใต้ได้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรง หากมีการปลดพนักงานซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ อาจทำให้เกิดกระแสการต่อต้านของพนักงาน และนำไปสู่ความไม่สงบ เนื่องจากก่อนหน้านี้สหภาพแรงงานบริษัท ซัมซุง อิเลกทรอนิคส์ ได้ชุมนุมประท้วงงานเพื่อเรียกร้องให้บริษัทฯ จ่ายผลตอบแทน และให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น