ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอคอลัมน์ที่เรียกว่า จับสถิติมาเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ของคนในภูมิภาค พบว่า ดัชนีความก้าวหน้าของคน (Human Achievement Index หรือ HAI) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คำนวณจากตัวชี้วัดความเป็นอยู่ของคนในหลายมิติ พบว่า ในปี 2563-2565 มี 3 พื้นที่แรกในไทยที่มีค่าดัชนีสูงสุด ซึ่งหมายถึงคนมีความก้าวหน้ามากที่สุดกระจุกอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก หรือในพื้นที่ EEC พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และพื้นที่ภาคกลาง ขณะที่ 5 จังหวัดรั้งท้ายสุดในไทย ที่มีค่าดัชนีดังกล่าวต่ำที่สุดอยู่ล้วนอยู่ใน 3 ภาคของไทย ได้แก่อีสาน ใต้ เหนือ
ชุดข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด17 ด้าน ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เช่น ความเป็นอยู่ด้านรายจ่าย สัดส่วนคนจน เป็นต้น โดยเฉพาะตัวชี้วัดสัดส่วนคนจนเมื่อวัดด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้น พบว่า ปี 2566 มี 5 จังหวัดที่มีความยากจนมากที่สุดในไทย คือ ปัตตานี 23.4% มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดในประเทศ อันดับ 2 นราธิวาส 19.1% อันดับ 3 แม่ฮ่องสอน 12.5% อันดับ 4 พัทลุง 12.1% และอันดับ 5 สตูล 10.8%
หากต้องการดูความเป็นอยู่ของคนเฉพาะด้านการเงิน พบว่า ดัชนีปัจจัยพื้นฐานทางการเงินเชิงพื้นที่ (Spatial Financial Fundamental Indicator หรือ SFFI) ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พบว่าใน 5 จังหวัดแรกของไทยที่มีค่าดัชนีดังกล่าวสูงสุดล้วนกระจุกตัวอยู่ในภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพ(1.81) สมุทรปราการ(0.57) นนทบุรี(0.57) ภูเก็ต(0.56) และชลบุรี(0.53)
สำหรับภาคอีสาน พบว่า กลุ่มจังหวัดที่มีทักษะการเงินต่ำสุดในอีสาน ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ เลย สุรินทร์ ศรีษะเกส และอุบลราชธานี ส่วนจังหวัดที่มีทักษะการเงินระดับสูง คือ จังหวัดมหาสารคาม ชัยภูมิ และหนองบัวลำภู ในทางภาคเหนือ พบว่า กลุ่มจังหวัดที่มีทักษะการเงินต่ำสุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก ส่วนจังหวัดที่มีทักษะการเงินระดับสูง คือเชียงราย พะเยา แพร่ และอุตรดิตถ์
