ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทย ภาคบ่าย (ณ เวลา14.39 น.) ปรับขึ้นกว่า 10 จุด ปรับ +0.95% มูลค่าซื้อขาย 21,618 ล้านบาท
สวนตลาดภูมิภาค ยกเว้นตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับขึ้นจากความคาดหวังจีนเข้าสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 50% รวมเป็น 104% โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นใหญ่ อาทิ GULF, KBANK, SCB, ADVANC, KTB, CPALL เป็นต้น
โดยก่อนหน้านี้ หุ้นไทย ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,065.61 จุด ลดลง 8.98 จุด (-0.84%) มูลค่าซื้อขายราว 21,618 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า และกลับมาปรับตัวลงต่อ โดยทำระดับต่ำสุด 1,062.54 จุด และทำจุดสูงสุด 1,080.21 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวลงซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลสงครามการค้าหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่าง ๆ และมีมาตรการตอบโต้จากประเทศที่ถูกขึ้นภาษี โดยเฉพาะจีนที่ตอบโต้กลับสหรัฐ และสหรัฐก็ตอบโต้กลับจีนในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 104% ทำให้สงครามการค้ามีความรุนแรงขึ้น
โดยปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น รวมทั้งกระทบต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้มีแรงขายหุ้นพลังงานฉุดดัชนี ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้เป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นไทยโดย แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่าแกว่งตัวแดนลบต่อ โดยที่ยังคงต้องติดตามปัจจัยสงครามการค้าต่อเนื่อง โดยให้แนวต้าน 1,070-1,075 จุด แนวรับ 1,045-1,050 จุด