โคเรีย มินท์ติ้ง แอนด์ ซีคิวริตี้ พริ้นท์ติ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกพร้อมทั้งจัดจำหน่ายทองคำและเหรียญทองทองคำชื่อดังในประเทศเกาหลีใต้ได้ประกาศทางเว็บไซต์ว่า ตามที่อยู่ บริษัทมีความจำเป็นต้องหยุดการขายทองคำแท่งเป็นการชั่วคราวไปจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบ สาเหตุจาก เผชิญปัญหาในการบริหารจัดการแหล่งจัดหาทองคำแท่ง และปัญหาการบริหารจัดการความต้องการซื้อทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายภายในประเทศเกาหลีใต้
นายหน้าซื้อขายสัญญาทองคำในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ตั้งราคาขายโดยอ้างอิงกับปริมาณทองคำแท่งที่เก็บอยู่ในธนาคารกลางอังกฤษ ด้วยการเสนอราคาต่ำมากกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือราคา Spot ที่ซื้อขายกันในตลาดทองคำ กรุงลอนดอน นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยรวมถึงประชาชนทั่วไปจำนวนมากได้แห่กันไปเข้าคิวเพื่อถอนทองคำแท่งออกจากธนาคาร และขนย้ายเพื่อไปฝากไว้ในสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ ประชาชนรวมถึงนักลงทุนต้องมีการจองคิวล่วงหน้านานถึงสัปดาห์เพื่อถอนการเก็บทองคำดังกล่าว
ข้อมูลของสมาคมตลาดซื้อขายทองคำกรุงลอนดอน อังกฤษ หรือ LBMA เปิดเผยว่า ในปัจจุบันธนาคารกลางอังกฤษมีสต๊อกทองคำแท่งเก็บรักษาไว้มากกว่า 400,000 แท่ง คิดจากราคาทองคำแท่งในราคาตลาดปัจจุบัน จะทำให้มีมูลค่ามากกว่า 450,000 ล้านดดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15.3 ล้านล้านบาท ซึ่งทองคำแท่งที่เก็บเอาไว้ดังกล่าวนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นของทองคำแท่งของธนาคารกลางจากหลากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงทองคำแท่งที่เป็นของสถาบันการเงินทั้งในอังกฤษ และในต่างประเทศจำนวนมากมาย ปริมาณสต๊อกทองคำแท่งจำนวนกว่า 400,000 แท่งดังกล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสต๊อกทองคำแท่งทั้งหมดที่มีมากกว่า 8,000 ตัน ที่เก็บรักษาไว้ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันสถานการณ์สต๊อกทองคำแท่งในยุโรป เอเชีย รวมถึงตะวันออกกลางเกิดภาวะตึงตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภาวะทองคำแท่งขาดแคลน เนื่องมาจากบรรดานักลงทุนในตลาดทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทั้งสถาบันการเงิน หรือนักลงทุนรายใหญ่ได้ขนย้ายทองคำแท่งที่ฝากไว้ในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางเข้าไปในตลาดทองคำแท่งที่สหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการทำกำไรสูงมากขึ้นบนผลต่างของราคาทองคำที่มีราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในตลาดสหรัฐอเมริกาเมื่อเทียบกับราคาทองคำในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
สำหรับผลต่างของราคาทองคำแท่งที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าราคาตลาดทองคำในยุโรป และเอเชียอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ มาจากความกังวลอย่างมากของนักลงทุนทองคำ เกี่ยวกับแนวโน้ม และความไม่แน่นอนสูงที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าโภคภัณฑ์รวมไปถึงโลหะมีค่า ซึ่งอาจครอบคลุมถึงทองคำแท่งด้วย
สถานการณ์ราคาทองคำระหว่างราคาส่งมอบทันที(Spot) และราคาล่วงหน้า(Future)ในตลาดโลกได้ทำให้เกิดส่วนต่างของราคาดังกล่าว รวมถึงค่าพรีเมียมที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติมสูงขึ้นจากราคาส่งมอบทันทีในปัจจุบันได้เพิ่มสูงขึ้นห่างกันถึง 28 ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนประเภทสถาบันในเอเชีย โดยเฉพาะศูนย์กลางการซื้อขายทองคำที่ดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฮ่องกง รวมถึงในตลาดทองคำฝังยุโรปได้ตัดสินใจทำธุรกรรมยืมทองคำแท่งจากธนาคารกลางกรุงลอนดอนเพื่อนำไปขายทำกำไรในสัญญาตราสารอนุพันธ์ตลาดทองคำนิวยอร์กสหรัฐ เนื่องจากราคาทองคำในตลาดกรุงลอนดอนมีราคาต่ำกว่าราคาทองคำโลกโดยเฉพาะที่นิวยอร์ก สหรัฐ
ตลาดซื้อขายทองคำ นิวยอร์ก สหรัฐ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Comex เปิดเผยว่าปริมาณทองคำแท่งที่เก็บอยู่ในสต๊อก ซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ พบว่ามีจำนวนสะสมรวมกันทั้งสิ้น 34.60 ล้านทรอยออนซ์ ไม่เพียงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 90% เมื่อเทียบกับสต๊อกทองคำแท่งในเดือนพฤศจิกายน 2024 แต่ยังทำสถิติสต๊อกทองคำแท่งมากที่สุดในรอบ 2 ปี 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2022 เป็นต้นมา
สอดคล้องกับสมาคมตลาดซื้อขายทองคำกรุงลอนดอน อังกฤษ หรือ LBMA เปิดเผยว่า ปริมาณทองคำแท่งที่เก็บอยู่ในสต๊อกในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาลดต่ำลงถึง 1.7% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมในปี 2024 มาเหลืออยู่ที่ 8,535 เมตริกตัน รวมมูลค่า 771,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 26.23 ล้านล้านบาท สาเหตุจากมีการขนย้ายทองคำไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อลงทุนเก็บส่วนต่างกำไรสูงดังกล่าว