นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในสาธารณรัฐอินเดีย South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2024 ระหว่างวันที่ 22 – 24 กุมภาพันธ์ 2567 ณ India Expo Mart กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมงานครั้งที่ 15 ของ ททท. และเป็นโอกาสครั้งสำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทยที่จะได้เดินหน้ารุกตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างเต็มศักยภาพ โดยทิศทางการส่งเสริมตลาดจะเน้นส่งเสริมให้มีการขยายวันพำนักและเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวอินเดียในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น จัดกิจกรรม (Event Marketing) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ผลักดันการถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียในประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรองของประเทศไทยให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวตลอด 365 วัน
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน SATTE ในปีนี้ ททท. ได้เชิญพันธมิตรผู้ประกอบการไทยในฐานะผู้ขาย(Sellers) เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 59 ราย ได้แก่ ผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ต 26 ราย บริษัทนำเที่ยว 20 ราย และอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจประเภทสวนน้ำ สวนสนุก กอล์ฟคลับ รวม 10 ราย รวมถึงพันธมิตร Thailand Privilege Card สายการบินไทย และสายการบินแอร์เอเชีย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการตลาดอินเดีย พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีความหลากหลายและตรงกับพฤติกรรมของตลาดเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการไทย โดยคาดว่าจะเกิดจำนวนการนัดหมายเจรจาธุรกิจภายในงานกว่า 5,000 นัดหมายซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ทรงคุณค่าของประเทศไทย
พิธีเปิดคูหาประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี นายโชติ ตราชู ประธานกรรมการ ททท. เข้าร่วมในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11.30 น. โดย ททท. ส่งมอบความพิเศษด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์และเสน่ห์ของการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยอย่างใกล้ชิด สำหรับพื้นที่ของคูหาประเทศไทยได้ออกแบบและตกแต่งให้สะท้อนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยนำวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่แสดงถึงความเชื่อมโยงกับผู้คน เช่น งานจักสานไม้ไผ่ เอกลักษณ์ที่สะท้อนภูมิปัญญา ทักษะเชิงช่างของไทย และภูมิปัญญาของชาวบ้าน ซึ่งมีลักษณะรูปทรงแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นมาสอดแทรกและตกแต่งภายในคูหาประเทศไทยอย่างกลมกลืม สะท้อนความมุ่งมั่นของ ททท. ที่จะขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลในทุกมิติเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืนนอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสาธิตได้แก่กิจกรรมสาธิตธุงใยแมงมุมและกิจกรรมทำยาดมสมุนไพร
โดยตลาดอินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายหลักที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 1,628,542 คน สร้างรายได้กว่า 6.3 หมื่นล้านบาท และในปัจจุบัน ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสูงสุดเป็นอันดับที่ 5 โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียสะสม 262,986 คน ซึ่ง ททท. ตั้งเป้าหมาย สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 80,870 ล้านบาท ในปี 2567 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวอินเดียเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง นิยมเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน ทำธุรกิจ และฉลองแต่งงาน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา