สำนักวิจัยกรุงไทย คอมพาสส์ (Krungthai COMPASS) ในเครือธนาคารกรุงไทย เปิดเผยการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว คาดว่าจะส่งผลลบต่อภาคการท่องเที่ยวราว 2,970 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น 2.1ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามา มีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจมีสัดส่วนเพียง 2% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในไทย
ใน ช่วง 6 เดือนของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามาไทยอยู่ที่ 217,652 คน ลดลงถึงราว -21% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา และคาดว่าผลกระทบจากการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาจะทำให้นักท่องเที่ยวกัมพูชาลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2568 ซึ่งเมื่อประเมินจากสถิติค่าใช้จ่ายของชาวกัมพูชา ในปี 2565-2566 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด พบว่า ค่าเฉลี่ยของความเสียหายจากการขาดรายได้ของนักท่องเที่ยวกัมพูชาจะอยู่ที่ราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน
2.2) ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 1,785 ล้านบาทต่อเดือนโดยแบ่งเป็น 1) ความเสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 1,766 ล้านบาทต่อเดือน และ 2) ความ
เสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 ล้านบาทต่อเดือน โดยการประมาณการข้างต้นประเมินจาก ค่าเฉลี่ยย้อนหลังของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติในปี 2565-67 ทั้งนี้ ใน 4 จังหวัดดังกล่าว จ.บุรีรัมย์ และจ.อุบลราชธานีเป็น 2 จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุด
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญเช่นปราสาทตาเหมือนธมและปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวชายแดนสำคัญใน จ.สุรินทร์ ได้ถูกสั่งปิดแล้ว และการปะทะที่เกิดขึ้นคาดส่งผลลบต่อเทศกาลท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ค. 2568 เช่น งานเทศกาลผลไม้และของดีศรีขุนหาญ งานแข่งฟุตบอล งานดนตรี งานแสดงหุ่นยนต์ ใน จ. ศรีษะเกษ เป็นต้น