ตลาดหุ้นสหรัฐดำดิ่งรุนแรง 1 ปี 10 เดือน ตลาดหุ้นทั่วโลกเสียหายกว่า 230 ล้านล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,703 จุด -1,033 จุด หรือ -2.60% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,186 จุด -160 จุด หรือ -3.00% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,200 จุด -576 จุด หรือ -3.43% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2022 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งกว่า 15% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction

ขณะที่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาครบ 3 วันทำการ ยังพบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงแรง -6.2%, -7.0% และ -8.53% ตามลำดับ ส่งผลในแง่เปอร์เซ็นต์ทำสถิติดัชนีหุ้นดำดิ่ง 3 วันทำการติดต่อกันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2022 และในแง่จำนวนจุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020

สถานการณ์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างรุนแรง จากในคืนผ่านมานั้น ดัชนีหุ้นนาสแดคกลายเป็นดัชนีหุ้นแรกที่เข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -6.5% และ -8.7% เทียบจากสถิติดัชนีหุ้นหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ที่สำคัญ ตลาดหุ้นทั่วโลกใน 3 สัปดาห์ผ่านมา เสียหายรวมกันกว่า 6.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 230.4 ล้านล้านบาท

สาเหตุจากนักลงทุนไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจสหรัฐ และผิดหวังอย่างมากต่อผลประกอบการของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่หลายแห่ง เริ่มจาก ยอดจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากที่ระดับ 175,000 คน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ทำสถิติว่างงานสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีผ่านมา และยังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4% ต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2023

ด้านบรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ดำดิ่งรุนแรงกันทั่วโลก ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดเลวร้ายที่สุดในรอบ 37 ปี หรือตั้งแต่ Black Monday ในปี 1987 ตลาดหุ้นยุโรปทรุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 8 เดือน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า การลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐที่หลายคนมั่นใจว่าจะลดครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้ เป็นการลดดอกเบี้ยที่ช้าเกินไปหรือไม่ ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่แน่นอน นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฏาคมของสหรัฐในคืนวันนี้

ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนถึง 0.5% อยู่ที่ 86% จากเดิมที่ 88% และลดดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.25% มีโอกาสอยู่ที่ 14% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%

สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles