ตลาดหุ้นสหรัฐถูกล้อมด้วยกระทิง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์แตะปิด 38,000 ครั้งประวัติศาสตร์

ตลาดหุ้นสหรัฐถูกล้อมด้วยกระทิง ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ แตะปิด 38,000 ครั้งประวัติศาสตร์

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,001 จุด +138 จุด หรือ +0.36% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,850 จุด +10 จุด หรือ +0.22% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,360 จุด +49 จุด หรือ +0.32% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติปิดเหนือ 38,000 จุดเป็นครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นสถิติปิดสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ใหม่เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ต้นปีนี้ เริ่มจาก 2 ม.ค. ปิดที่ 37,715 จุด ต่อมา 19 ม.ค. ปิดที่ 37,864 จุด ในขณะที่เมื่อวันศุกร์ผ่านไป ทำสถิติสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 37,933.73 จุด และยังปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 2 วันติดต่อกัน

ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปิดสูงสุด และสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2023 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 4,796.56 จุด นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวเคยร่วงดำดิ่งหนักถึง -25% ในเดือนตุลาคมปี 2022 ส่วนดัชนีหุ้นนาสแดคยังห่างจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,057 จุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022 และสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,121 จุด

สาเหตุจากแรงส่งทางจิตวิทยาในการภาวะตลาดหุ้นกระทิงของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ผ่านมา ยังคงมีผลให้นักลงทุนมั่นใจในภาวะการลงทุนหุ้นสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กล่าวว่า การผ่อนคลายหรือลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอาจจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่หลายคนประเมินไว้ การลดดอกเบี้ยระยะสั้นต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างมากถึงแม้ว่าสัญญาณเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาจะทยอยลดลงเข้าสู่เป้าหมายก็ตาม ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นทันที และสูงสุดในรอบ 1 เดือน นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกลดลงในช่วงแคบๆ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าเข่นกัน

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มไมโครชิปมีราคาพุ่งทะยานอย่างคึกคักโดยเฉพาะเอ็นวิเดีย ท่ามกลางมุมมองธุรกิจไมโครชิปได้รับการเปิดเผยว่าจะขยายตัวอย่างสูงเป็นผลจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของ 3 บริษัทเทคโนโนลยียักษ์ใหญ่ของโลก

ทั้งนึ้ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่าเฟดวอช์ท พบว่ามีโอกาสอยู่ที่ 43.5% จากเดิมที่ 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรก 0.25% ในเดือนมีนาคมปี 2024

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles