ตลาดหุ้นสหรัฐปลิวกระฉูด หุ้นดาวโจนส์ปิดกระฉูดกว่า 1,500 จุด สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เหนือ 43,000 จุด โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งปธน.สหรัฐถล่มทลายกวาดคะแนนพุ่งเกือบ 300 คะแนน

ตลาด หุ้น สหรัฐ ปลิวกระฉูด หุ้นดาวโจนส์ปิดกระฉูดกว่า 1,500 จุด สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เหนือ 43,000 จุด โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งปธน.สหรัฐถล่มทลายกวาดคะแนนพุ่งเกือบ 300 คะแนน

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,729 จุด +1,508 จุด หรือ +3.57% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,929 จุด +146 จุด หรือ +2.53% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,983 จุด +544 จุด หรือ +2.95% ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นเหนือระดับ 43,000 จุดเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ แต่ยังทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -0.2%, -1.4% และ -1.5% ตามลำดับ

บรรยกาศการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เต็มไปด้วยความร้อนแรงสุดคึกคักนับตั้งแต่เปิดตลาดนาทีแรก ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 9.30 น. ซึ่งตรงกับเวลา 21.30 น. ของไทยในคืนผ่านมา พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เปิดระดับ 43,528 จุด +1,306 จุด หรือ +3.09% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ระดับ 5,901 จุด +118 จุด หรือ +2.06% และดัชนีหุ้นนาสแดคเปิดที่ 18,818 จุด +379 จุด หรือ +2.06% ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เปิดตลาดซื้อขายพุ่งสูงขึ้นกว่า 3% ขึ้นไป ทำสถิติดัชนีหุ้นพุ่งกระฉูดมากที่สุดใน 1 วัน ที่คึกคักที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายน 2023 เป็นต้นมา แต่ยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 05.30 น.(ตามเวลาในสหรัฐ) หรือตรงกับ 17.30 น. ดัชนีหุ้นล่วงหน้า หรือ Future ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นสำคัญพุ่งทะยานสูงขึ้น ประกอบด้วย ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ระดับ 43,598 จุด +1,217 จุด หรือ +2.85% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ระดับ 5,945 จุด +133 จุด หรือ +2.27% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 20,696 จุด +354 จุด หรือ +1.76%

สาเหตุจากนักลงทุนแห่เข้าลงทุนทั้งตลาดเงินดอลลาร์สหรัฐอย่าหนาตา ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่าสูงในรอบ 4 เดือนผ่านมา และลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากความชัดเจนในผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 294 คะแนน ในขณะที่นางแฮร์ริสได้ 223 คะแนน ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ขจัดปัจจัยเสี่ยง หรือปัจจัยความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองสหรัฐ พรรครีพลับริกันเต็มไปด้วยอำนาจการบริหารราชการเบ็ดเสร็จสมบูรณ์แบบ เนื่องจากได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ทั้งวุฒิสมาชิก ทั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร และผู้ว่าการรัฐ นโยบายของทรัมป์ที่จะยุติสงครามในภูมิภาคที่เกิดความขัดแย้งรุนแรงด้วย

ขณะที่นักลงทุนรอติดตามปัจจัยสำคัญสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ในวันที่ 6-7 พฤศจิกายนที่จะมีการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวลงอีก 0.25% ส่งผลเป็นการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องถึง 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2020 ท่ามกลางตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 100% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles