ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,736 จุด +440 จุด หรือ +0.99% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,987 จุด +18 จุด หรือ +0.30% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,054 จุด +51 จุด หรือ +0.27% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +2%, +1.7% และ +1.7% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนมั่นใจในกาคเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารรัฐบาลของนายโจ ไบเดน ท่ามกลางการเลือกว่าที่รัฐมนตรีสายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้าตามสนองตอบนโยบายของนายทรัมป์อย่างชัดเจน รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมทบทวนกฎเกณฑ์รถยนต์ขับอัตโนมัติ
นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงผ่านมาอยู่ในภาวะดีอย่างน่าทึ่ง เศรษฐกิจสหรัฐไม่มีสัญญาณใดๆ ที่ทำให้เฟดต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้เฟดสามารถที่จะพิจารณาการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยด้วยความละเอียดอ่อน และระมัดระวังต่อไป นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของเส้นทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เหมาะสมกับภาวะปกตินั้น เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เฟดจะต้องระมัดระวัง ดังนั้น นี่อาจจะเป็นกรณีที่เฟดชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างความมั่นใจว่าเฟดได้บริหารได้ถูกทาง
ขณะที่ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ โอกาสที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25% อยู่ที่ 56% จากเดิมที่ 82%