ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,065 จุด -605 จุด หรือ -1.53% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,267 จุด -39 จุด หรือ -0.74% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,736 จุด -65 จุด หรือ -0.39% ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดตกต่ำมากสุดในรอบเกือบ 2 เดือนผ่านมา ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดดำดิ่งใน 2 วันติดกันรวม -806, -53 และ -96 จุดตามลำดับ
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.2%, +1.5% และ +2.1% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นมา นอกจากนี้ นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +6%, +11% และ +11% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนเพิ่มความกังวลมากขึ้นกับโอกาสลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หลังจากในคืนผ่านมา ตัวเลขกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นในรอบมากกว่า 2 ปี เมื่อวันพุธผ่านไป นักลงทุนผิดหวังกับบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ เปิดเผยว่า ยังขาดข้อมูลที่ชัดเจนในการสร้างความมั่นใจที่จะลดดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้นักลงทุนขายหุ้นทำกำไรทุกกลุ่มทันที ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนลดลงมาอยู่ที่ 59% จากเดิมที่ระดับ 65.7%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ
