ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,713 จุด -136 จุด หรือ -0.31% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,039 จุด -28 จุด หรือ -0.47% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,632 จุด -101 จุด หรือ -0.51% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +2.2%, +1.7% และ +1.7% ทำให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดดัน ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวังกับมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่รีบเร่งลดดอกเบี้ยระยะสั้นเร็วเกินไป นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่าเฟด ไม่มีความจำเป็นที่จะเร่งรีบ ที่จะจะต้องปรับนโยบายการเงินหรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเหมาะสมดีกับปัจจัยความท้าทายในขณะนี้ เมื่อมองออกไปจะมีความเสี่ยงหลายอย่าง หากลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเชิงรุกเกินไป เฟดรู้ว่า การลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป หรือลดมากจนเกินไป อาจเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้าของการลดต่ำลงของอัตราเงินเฟ้อ
คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา
ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน