ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,852 จุด +176 จุด หรือ +0.46% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,180 จุด +52 จุด หรือ +1.03% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,349 จุด +192 จุด หรือ +1.19% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.14%, +0.55% และ +1.43% ตามลำดับ
ในเดือนเมษายนผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วง -5%, -4% และ -4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดรายเดือนทำสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022
สาเหตุจากตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นเพียง 175,000 คนจากที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 240,000 คน ซึ่งเป็นการจ้างงานที่น้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน อัตราการว่างานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 3.8% ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐพิจารณาโอกาสการลดดอกเบี้ยระยะสั้นไม่ล่าช้าไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี ทรงตัว และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 6 เดือน
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 21% จากเดิมที่ระดับ 50% ขณะที่โอกาสดังกล่าวที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ