ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,518 จุด +221 จุด หรือ +0.52% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,842 จุด +6 จุด หรือ +0.11% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,044 จุด -43 จุด หรือ -0.23%
สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในคืนที่ผ่านมา ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าเดือนธันวาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมาซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.4% ส่งผลให้นักลงทุนขายเงินดอลลาร์สหรัฐออกมา มีผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคที่จะประกาศในวันพุธนี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดครั้งแรกในการประชุมวันที่ 27-28 มกราคม ปี 2025 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 97% และแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวไปถึงเดือนมีนาคม ขณะที่โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิด +13%, +23.8% ในเดือนธันวาคม 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -5.2%, -2.1% และ +1.4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022 สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 8 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนปีนี้
