ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดัชนทรุดดิ่งเหวยกแผง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งกว่า 1,000 จุด ปิดลง 10 วันทำการติดกันยาวสุดใน 50 ปี หลุดระดับ 44,000 จุด ลดดอกเบี้ยสหรัฐไม่เอกฉันท์

ตลาด หุ้น สหรัฐ ปิดแดัชนทรุดดิ่งเหวยกแผง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งกว่า 1,000 จุด ปิดลง 10 วันทำการติดกันยาวสุดใน 50 ปี หลุดระดับ 44,000 จุด ลดดอกเบี้ยสหรัฐไม่เอกฉันท์

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,326 จุด -1,123 จุด หรือ -2.58% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,872 จุด -178 จุด หรือ -2.59% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,392 จุด -716 จุด หรือ -3.56% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลดลง 10 วันทำการติดกัน ไม่เพียงทำสถิติเป็นครั้งแรกที่ดัชนีดังกล่าวลดลงครบ 10 วันทำการในรอบ 46 ปี แต่ยังทำสถิติดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 50 ปี หรือตั้งแต่ปี 1974 เป็นต้นมา ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านไป ทำสถิติดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 46 ปี หรือตั้งแต่ปี 1978 ที่สำคัญ ยังทำสถิติดัชนีดำดิ่งมากสุดใน 1 วัน ในรอบ 3 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่สิงหาคมปีนี้ และทำสถิติดัชนีหุ้นทรุดมากถึง 1,000 วันใน 1 วัน เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ด้วย สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดหลุดระดับ 6,000 จุด และ 20,000 จุดครั้งใหม่

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น -1.8%, -0.6% และ +0.3% ตามลำดับ ในเดือนพฤศจิกายนดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.5%, +5.0% และ +6.0% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติรายเดือนที่ดีที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2024 นี้

สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวัง และเกิดความกังวลอย่างมากมายหลังจากธนาคารสหรัฐอเมริกามีมติลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงตามคาด 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% แต่มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 11 ต่อ 1 เสียง ซึ่ง 1 เสียงนั้น ลงมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ แถลงว่าเฟดต้องการเห็นความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่จะต้องปรับลดลงเข้าสู่เป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เฟดจะพิจารณาด้วยความระมัดระวังในการผ่อนคลายดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025

นอกจากนี้ เฟดได้เปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025 จะมีจำนวนครั้งลดลงเหลือเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่สำคัญ จำนวนครั้งที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ทำให้เป็นไปได้สูงว่าเฟดจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้รวมกันลงถึง 1.00% จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากมุมมองของกรรมการส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินล้วนประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า หากเป็นตามที่ประเมินไว้จริง จะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐต้องเพิ่มขึ้นและทรงตัวนานขึ้น

ขณะที่ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 27-28 มกราคม 2025 โอกาสที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25% อยู่ที่ 50% จากเดิมที่ 60%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles