ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 47,474 จุด +185 จุด หรือ +0.39% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,829 จุด +16 จุด หรือ +0.25% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 23,413 จุด +137 จุด หรือ +0.59%
สาเหตุจาก ราคาหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินคริปโตเคอร์เรนซีฟื้นตัวขึ้นอย่างคึกคัก หลังวันแรกถูกเทขายขายอย่างหนาตา ค่าเงินบิทคอยน์พลิกกลับพุ่งสูงขึ้น 7% ขึ้นเหนือกว่า 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากวันแรกของธันวาคมเงินบิทคอยน์ถูกนักลงทุนเทขายลงอย่างรุนแรงมากถึง 6% ส่งผลให้มีราคาลดต่ำกว่า 86,000 ดอลลาร์สหรัฐทำสถิติราคาร่วงลงที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักลงทุนกลับเข้าซื้อราคาหุ้นของกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังเฝ้าติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ รายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันประจำเดือนกันยายน ที่เลื่อนจากการประกาศตามกำหนดเดิมในเดือนตุลาคม โดยจะประกาศในวันศุกร์นี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสอยู่ที่ 87% จากเดิมที่ระดับ 89% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดตลาดตรงกับวันครบรอบ 100 วันของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่า ครบ 100 วันดังกล่าวดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -7.23% และมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนจากดัชนีหุ้นดังกล่าวหดหายมากถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.6 ล้านล้านบาท ทำสถิติตลาดหุ้นนิวยอร์ก ครบ 100 วันของประธานาธิบดีดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ 2 ที่เลวร้ายเป็นอันดับที่ 3 ในโอกาสครบ 100 วันของประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ผ่านมา สถิติดังกล่าวเป็นรอง หรือตามหลังในยุคอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อ 56 ปีผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด เมื่อ 51 ปีผ่านมา ตามลำดับ
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน