ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 46,108 จุด +617 จุด หรือ +1.36% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,587 จุด +55 จุด หรือ +0.85% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 22,043 จุด +157 จุด หรือ +0.72% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดเหนือ 46,000 เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ด้วย
ในสัปดาห์ผ่านไป แต่หุ้นสำคัญทั้งสามแห่งปิด +0.3%, +0.3% และ +1.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปเดือนสิงหาคมของสหรัฐอเมริกาเป็นไปตามที่คาดไว้ คือ เพิ่มขึ้น 0.4% จากที่คาดว่าจะเพิ่ม 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น และเพิ่มขึ้น 2.9% ตรงตามคาดการณ์เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา แต่นับเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่มากที่สุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่มกราคมผ่านมา ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคขั้นพื้นฐาน พบว่าอยู่ที่ 0.3% และ 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมาตามลำดับ ซึ่งตรงตามคาดการณ์ไว้ ด้านตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิ์สวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์ พบว่าพุ่งสูงขึ้นถึง 263,000 คนทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี ดังนั้นแรงกดดันและแนวโน้มที่ธนาคารธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมโดยในวันที่ 16 ถึง 17 กันยายนนี้ ยังคงเป็นไปได้สูง
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าโอกาสที่ 98% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 92% ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพียง 0.25% จากเดิมคาดว่าจะลดลงมากถึง 0.5% ในเดือนกันยายน และจะลดลงอีก 0.25% ในเดือนตุลาคม นั่นหมายถึงคาดว่าจะปรับลด 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของครึ่งปีหลังนี้ จากเดิมที่ประเมินว่าจะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น