ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 38,852 จุด -216 จุด หรือ -0.55% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,306 จุด +1 จุด หรือ +0.02% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,019 จุด +99 จุด หรือ +0.59% ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดคปิดแตะระดับ 17,000 เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ และยังปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทางกัน -2.33%, +0.03% และ +1.41% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นมา นอกจากนี้ นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +6%, +11% และ +11% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนมั่นใจในหุ้นบริษัทเอ็นวีเดีย ยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิปที่มีผลการดำเนินงานที่สดใส อย่างไรก็ตาม นักลงทุนผิดหวังกับบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ เปิดเผยว่า ยังขาดข้อมูลที่ชัดเจนในการสร้างความมั่นใจที่จะลดดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มบลูชิป ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกร่วงอ่อนค่าต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปีปิดลดลง
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนลดลงมาอยู่ที่ 59% จากเดิมที่ระดับ 65.7%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ