ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,376.09 จุด ปรับลง 5.10 จุด หรือ -0.37% ด้วยมูลค่าซื้อขายสุทธิ 41,095.38 ล้านบาท ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,370.78 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,379.15 จุด
โดยตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแรงขายทำกำไร หลังเมื่อวานดัชนีปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี รวมทั้งมีแรงขายในหุ้น DELTA ถ่วงตลาดหลังการรายงานผลประกอบการกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในต่างประเทศ ที่คำสั่งซื้อน่าจะชะลอตัว ทำให้กลุ่มชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิกส์ในไทยปรับตัวลงไปด้วย
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 842.28 จุด ลดลง -3.87 จุด หรือ-0.46% มูลค่าการซื้อขาย 23,403.12 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 411.51 จุด ลดลง -2.41 จุด หรือ -0.58% มูลค่าซื้อขาย 1,562.91 ล้านบาท
ส่วน 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,194.42 ล้านบาท ปิดที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,661.77 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
3. KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,462.34 ล้านบาท ปิดที่ 16.30 บาท ลดลง 0.20 บาท
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแรงขายทำกำไร หลังเมื่อวานนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี รวมทั้งมีแรงขายในหุ้น DELTA ฉุดดัชนีย่อตัวระยะสั้น หลังจากรายงานผลประกอบการในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในต่างประเทศ ที่คำสั่งซื้อน่าจะชะลอตัว ทำให้กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในไทยเผชิญความเสี่ยงประเด็นดังกล่าวและปรับตัวลง
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยนักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP สหรัฐในคืนวันนี้ ซึ่งอาจทำให้ดัชนีมีความผันผวน โดยหากตัวเลข GDP ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวบวกต่อ เป็น Sentiment ที่ดีกับตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภูมิภาคติดตามตลาดจีน หลังจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมีแผนจัดตั้งกองทุนเพื่อพยุงตลาดหุ้น ซึ่งหากตลาดหุ้นจีนยังไม่มีแรงขายทำกำไรก็อาจส่งผลบวกต่อตลาดภูมิภาคได้ โดยให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด