ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมด 5.5 ล้านบัญชี และจำนวนบุคคล 2.5 ล้านราย โดยสถิติพบว่า แนวโน้มนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสัดส่วนมากขึ้น นั่นคือกลุ่มเจนวาย(Y) และกลุ่มเจนซี(Z) โดยเฉพาะกลุ่มเจนซีพบสถิติเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากเดิมที่อยู่ระดับกว่า 10% ปัจจุบันขยับมาสู่ระดับ 30-40% แล้ว
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์คงจะต้องมีการปรับวิธีการสื่อสารกับผู้ลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งในปี 2567 วางแผนว่าจะเป็นปีที่จะสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่าจริง ๆ การลงทุนต้องลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย โดยจะมุ่งเน้นสื่อสารผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
“สำหรับปีที่แล้วเรามีการสื่อสารในแง่ของการให้มีความระมัดระวังการลงทุน เพราะมีข่าวปลอมหลอกลงทุนค่อนข้างมาก แต่สำหรับปีนี้จะเป็นปีที่เราจะมามุ่งเน้นว่าจะลงทุนอย่างไร แล้วทำไมการลงทุนถึงมีความสำคัญ”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตเห็นชัดเจนว่าลูกค้ามีความใจร้อนขึ้น เพราะฉะนั้นกระบวนการต่าง ๆ ในการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบดิจิทัล ก็จะต้องทำให้มีความง่าย และต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงไปส่วนหนึ่งแล้ว และต้องรองรับการจัดสรรทรัพย์สิน (Asset Allocation) ในหลายผลิตภัณฑ์พร้อมกันให้เกิดขึ้นได้ด้วย
นอกจากนี้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทย ความต้องการในการใช้ชอฟต์แวร์ในการลงทุน ก็อาจจะมีแนวคิดที่แตกต่างไปจากสมัยก่อนที่เน้นการซื้อขาย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์จะมีแบบฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมให้กับผู้ลงทุนกลุ่มใหม่โดยเฉพาะ เป็นลักษณะ Investment Application ที่ง่าย ใช้งานสะดวก เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะออกมาพร้อม ๆ กัน เพื่อทำให้การเข้าถึงตลาดทุนเป็นไปได้ง่าย
ทั้งนี้ กลุ่มคนเจนซี(Z) เกิดในช่วงปี พ.ศ.2541-2555 มีอายุระหว่าง 12-26 ปี เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรายล้อมตัว เรียนรู้ไว และกล้าตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว ส่วนกลุ่มคนเจนวาย(Y) หรืออีกชื่อหนึ่ง คือมิลเลนเนียม เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 มีอายุระหว่าง 27-44 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีไอที
