นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ของ 4 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีอุปทานพร้อมขายจำนวน 22,484 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.8% มูลค่า 148,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.8 % แบ่งเป็นอาคารชุด 12,104 หน่วย มูลค่า 98,918 ล้านบาท และบ้านจัดสรร 10,380 หน่วย มูลค่า 49,358 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งเกิดจากที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ 6,191 หน่วย เพิ่มขึ้น 53.4% มูลค่า 52,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.7 % เป็นอาคารชุด 5,149 หน่วย มูลค่า 45,957 ล้านบาท และ บ้านจัดสรร 1,042 หน่วย มูลค่า 6,602 ล้านบาท สำหรับที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่มี 6,943 หน่วย เพิ่มขึ้น 132.5% มูลค่า 50,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.1% โดยที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ เป็นอาคารชุด 4,990 หน่วย มูลค่า 41,598 ล้านบาท และบ้านจัดสรร 1,953 หน่วย มูลค่า 9,209 ล้านบาท ส่งผลให้มีที่อยู่อาศัยเหลือขาย 15,541 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.4% มูลค่า 97,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เป็นอาคารชุด 7,114 หน่วย มูลค่า 57,320 ล้านบาท และ บ้านจัดสรร 8,427 หน่วย มูลค่า 40,149 ล้านบาท
“เทียบตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 4 จังหวัด พบภูเก็ตและสงขลา มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน โดยภูเก็ตมีเสนอขายถึง 13,218 หน่วย มูลค่า 108,419 ล้านบาท และสงขลามี 4,923 หน่วย มูลค่า 18,984 ล้านบาท แต่ภูเก็ตมีเปิดตัวใหม่มากที่สุด ทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 4,791 หน่วย มูลค่า 46,367 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 473 หน่วย มูลค่า 2,362 ล้านบาท และอาคารชุด 4,318 หน่วย มูลค่า 44,004 ล้านบาท”
สำหรับจังหวัดมีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด คือ ภูเก็ต 5,253 หน่วย มูลค่า 43,907 ล้านบาท รองลงมาสงขลา 934 หน่วย มูลค่า 3,288 ล้านบาท สุราษฎร์ธานี 496 หน่วย มูลค่า 2,317 ล้านบาท และนครศรีธรรมราช ที่ 260 หน่วย มูลค่า 1,294 ล้านบาท
โดยทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุดใน 4 จังหวัดภาคใต้ 5 อันดับแรก
อันดับ 1 หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 2,216 หน่วย มูลค่า 26,055 ล้านบาท อันดับ 2 เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 685 หน่วย มูลค่า 4,491 ล้านบาท อันดับ 3 คลองเตย จำนวน 371 หน่วย มูลค่า 908 ล้านบาท อันดับ 4 หาดในยาง-หาดไม้ขาว จำนวน 348 หน่วย มูลค่า 2,363 ล้านบาท และอันดับ 5 ตลาดใหญ่-ตลาดเหนือ จำนวน 343 หน่วย มูลค่า 940 ล้านบาท
ทำเลที่เหลือขายมากที่สุด คือ อันดับ 1 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 2,508 หน่วย มูลค่า 30,783 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 1,378 หน่วย มูลค่า 8,004 ล้านบาท อันดับ 3 ทำเลท่าข้าม-ควนหิน จำนวน 830 หน่วย มูลค่า 3,525 ล้านบาท อันดับ 4 ทำเลประดู่-บางชุมโถ จำนวน 824 หน่วย มูลค่า 3,035 ล้านบาท อันดับ 5 ทำเลเกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 818 หน่วย มูลค่า 6,031 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีที่อยู่อาศัยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 4,661 หน่วย มูลค่า 20,103 ล้านบาท
“ภาพ 4 จังหวัดภาคใต้ เห็นพัฒนาการของตลาดที่ดีมากในกลุ่มจังหวัดที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว เช่นภูเก็ตมีความฟื้นตัวทุกด้าน ทั้งเปิดตัวและยอดขาย ซึ่งการขายได้ใหม่นอกจากจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลกัน ในบางพื้นที่ยอดขายสูงกว่าการเปิดขายใหม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ที่มียอดขายสูงขึ้นมากกว่าเปิดตัวใหม่ ขณะที่กลุ่มวิลล่าแม้มีเปิดตัวมากขึ้น แต่ยอดขายยังอยู่ระดับที่ดี แต่ยังคงต้องระมัดระวังเติมอุปทานใหม่เพราะยังมีวิลล่าเหลือขายอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้คาดการณ์ปี 2567 จะมีเปิดตัวใหม่ 12,695 หน่วย มูลค่า 78,519 ล้านบาท มีจำนวนขายได้ใหม่ 15,727 หน่วย มูลค่า 83,384 ล้านบาท และเหลือขาย 13,662 หน่วย มูลค่า 74,564 ล้านบาท”นายวิชัยกล่าว