กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา รายงานว่ามูลค่าทองคำแท่ง ซึ่งเก็บสำรองในกระทรวงการคลังของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 32.2 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งประวัติศาสตร์ ที่สำคัญยังมีมูลค่าพุ่งกระฉูดถึง 90 เท่า เมื่อเทียบกับมูลค่าทองคำตามที่ระบุในบัญชีงบดุลรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด และทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องมาถึงที่ระดับราคา 3,824.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในการซื้อขายที่ตลาดทองคำนิวยอร์กในคืนผ่านมา ที่สำคัญสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีปริมาณสะสมทองคำแท่งมากที่สุดในโลกถึง 8,100 เมตตริกตัน จึงส่งผลให้มูลค่าทองคำแท่งของประเทศสหรัฐอเมริกามีมูลค่ามากที่สุดในโลกด้วย
สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาจะแตกต่างจากทั่วโลกในด้านหน่วยงานที่เก็บรักษาทองคำสำรองของประเทศ โดยทองคำสำรองระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาจะถูกเก็บและอยู่ในความดูแลโดยตรงของรัฐบาลกลาง ซึ่งหมายถึงกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดจะไม่มีทองคำแท่งเก็บสำรองที่สำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขาแต่อย่างใด แต่จะมีเอกสารรับรอง และยืนยันปริมาณทองคำแท่งเก็บไว้ในทุนสำรองระหว่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเท่านั้น สิ่งนี้จะแตกต่างจากนานาชาติที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะเป็นผู้เก็บรักษาและดูแลทองคำแท่งโดยตรงในทุนสำรองระหว่างประเทศนั้นๆ
ในปัจจุบันปริมาณทองคำแท่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาจะถูกเก็บดูแลรักษาในคลังเก็บทองคำแท่งแห่งสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ใต้ดิน และใกล้กับฐานทัพฟอร์ท น็อกซ์ Fort Knox อยู่ในรัฐเคนทักกี สถานที่ดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อปี 1936 หรือเมื่อเกือบ 90 ปีผ่านมา ขณะที่ทองคำแท่งในส่วนที่เหลือจะกระจายถูกเก็บรักษาโดยฝากไว้ที่เวสท์ พ้อยท์ ในรัฐ Driver และอีกส่วนถูกเก็บไว้ที่ห้องนิรภัยอยู่ลึกลงไปใต้ดินถึง 24 เมตร ของอาคารธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขานิวยอร์ก
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสภาทองคำโลก พบว่า 10 ประเทศแรกของโลกที่มีปริมาณทองคำแท่งเก็บสะสมไว้ในในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2025 เรียงตามลำดับมีดังนี้ 1.สหรัฐอเมริกา 8,100 ตัน 2.เยอรมนี 3,400 ตัน 3.อิตาลี 2,500 ตัน 4.ฝรั่งเศส 2,400 ตัน 5.รัสเซีย 2,300 ตัน 6.จีน 2,300 ตัน 7.สวิสเซอร์แลนด์ 1,000 ตัน 8.อินเดีย 880 ตัน 9.ญี่ปุ่น 846 ตัน และ 10.ตุรกี 637.1 ตัน