ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 18 ธันวาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 4,330.39 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -3.62 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.2% ยังคงมีราคาปิดสูงสุดตั้งแต่ 21 ตุลาคมผ่านมา หรือในรอบ 7 สัปดาห์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 7 วันรวมกัน +144.52 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.71% ราคาปิดดังกล่าวยังเหลืออีกกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จะเท่ากับราคาปิดสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์
ขณะที่ ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 4,364.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -9.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.2% ขณะที่เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมผ่านมา ปิดแตะ 4,373.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 5 วันรวมกัน +153.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.71%
สาเหตุจาก นักลงทุนขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่ราคาทองคำในตลาดโลกปิดเพิ่มขึ้นถึง 7 วันติดต่อกัน ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามากสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถูกปรับลดลงรวมทั้งหมด 3 ครั้งในปี 2025 มาอยู่ที่ระดับ 3.25 ถึง 3.50% ทำสถิติอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในรอบมากกว่า 4 ปี
ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งไม่เพียงต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1% แต่ยังเป็นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 ปี ด้านตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกานอกภาคการเกษตรในพฤศจิกายนผ่านมา พบว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 64,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 50,000 คน อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐอเมริกากลับเพิ่มขึ้น 0.2% จากระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.4% ขึ้นเป็น 4.6% ทำสถิติภาวะการว่างงานที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา นักลงทุนรอติดตามตัวเลขยอดขายปลีก และตัวเลขภาวะเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา
ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนมกราคม 2026 ปรากฎว่า มีโอกาสอยู่ที่ 58.3% จากเดิมที่ระดับ 53.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่ มีโอกาสอยู่ที่ 73% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม โอกาสดังกล่าวมีมากถึง 83% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมิถุนายนในปี 2026