ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก เมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,736.28 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -4.17 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.2% ส่งผลราคาปิดลดลง 2 วันรวมกัน -52.69 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.1% สำหรับราคา Spot สูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,790.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 7 ครั้งในเดือนตุลาคม
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,749.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -0.10 หรือ -0.01% ส่งผลราคาปิดลดลง 2 วันรวมกัน -51.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.1% ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่สถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 6 ครั้งในเดือนตุลาคม สำหรับราคาล่วงหน้า (Future) สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,800.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024
นับตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 32% ส่งผลให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ราคาทองคำในปี 2024 นี้ จะทำสถิติราคาพุ่งทะยานดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 หรือในรอบ 45 ปี
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.4% และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตาเดือนตุลาคมในสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 คน ทำสถิติเพิ่มเติมขึ้นที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือตั้งแต่ธันวาคม 2020 หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 เป็นต้นมา สาเหตุการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยมากนั้นเป็นผลกระทบจากพายุเฮอริเคน 2 ลูกที่ถล่มภาคใต้ของสหรัฐ และการประท้วงหยุดงานของพนักงานกว่า 33,000 คนของบริษัทโบอิ้ง ท่ามกลางอัตราการว่างงานเดือนตุลาคมในสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 4.1%
นักลงทุนทำกำไรช่วงสั้นต่อเนื่องหลังจากราคาทองคำทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์มาเกือบ 7 วันทำการในเดือนตุลาคม นอกจากนี้นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังอย่างเข้มข้น เนื่องจากในสัปดาห์หน้าจะมี 2 ปัจจัยสำคัญที่สุด ได้แก่ วันที่ 5 พฤศจิกายนเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำใน 6 รัฐที่มีความสูสี หรือรัฐสวิงจากทั้งหมด 7 รัฐสวิง ซึ่งก่อนหน้านี้นางกมลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมในรัฐสวิงนำถึง 5 รัฐจาก 7 รัฐสวิง นอกจากนี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมในภาพรวมทั่วประเทศ พบว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อนางกมลา แฮร์ริส ขึ้นนำเป็นผลสำเร็จที่ 48% ต่อ 46% ตามลำดับ สำหรับปัจจัยที่ 2 คือ วันที่ 6-7 พฤศจิกายน เป็นการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอเลาะห์กลายเป็นเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 100% จากเดิมที่ 95% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง 0.25%