ตลาดซื้อขาย ทองคำ โลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 17 มกราคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,701.03 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -16.97 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% เป็นราคาลดลงจากสถิติปิดสูงสุดในรอบ 1 เดือนเศษ หรือตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2024 ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +59.16 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.8%
ย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคมผ่านมาทำสถิติราคาทองคำปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์กว่า หรือตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2024 สำหรับราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Spot ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ที่ระดับ 2,790.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 7 ครั้งในเดือนตุลาคม 2024
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,748.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +73.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.6%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำปิดขึ้นกว่า +0.8% นับเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ราคาทองคำรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในปี 2024 ราคาทองคำโลกทะยาน +26% ทำสถิติเป็นปีที่ดีที่สุดของทองคำโลกในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป ทำสถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 6 ครั้ง โดยมีราคาล่วงหน้า (Future) สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,800.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024
สาเหตุจากนักลงทุนขายเพื่อทำกำไรช่วงสั้นๆ หลังจากราคาทองคำตลาดโลกปิดสูงขึ้นถึง 3 วันทำการติดต่อกัน จากปัจจัยของตัวเลขแรงงานอเมริกันใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์พุ่งสูงเกินคาด ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐไม่สูงเกินเป้าหมาย ในขณะเดียวกัน เหลือเวลาอีก 1 วัน (ตามเวลาในสหรัฐ) ที่จะเป็นวันสาบานตนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามในคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐมากกว่า 200 ฉบับภายในวันดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมผ่านมา เฟดได้เปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025 จะมีจำนวนครั้งลดลงเหลือเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่สำคัญ จำนวนครั้งที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ทำให้เป็นไปได้สูงว่าเฟดจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้รวมกันลงถึง 1.00% จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากมุมมองของกรรมการส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินล้วนประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า หากเป็นตามที่ประเมินไว้จริง จะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐต้องเพิ่มขึ้นและทรงตัวนานขึ้น ขณะที่เฟดประเมินว่สในปี 2025 อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% และคาดว่าในปี 2026 จะอยู่ที่ระดับ 3.40% ด้วยการปรับลดลง 0.5% นอกจากนี้ มุมมองของแต่ละกรรมการของเฟด เปิดเผยว่า มี 10 จาก 19 รายที่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะอยู่ที่ระดับ 3.90% ในสิ้นปี 2025 โดยมีกรรมการ 4 ราย ประเมินว่าต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย และมี 5 รายคาดว่าต้องลดดอกเบี้ย
ผลจากมุมมองของเฟดดังกล่าว และมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการลดดอกเบี้ยในคืนผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นกว่า 1% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นในรอบ 1 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนรอติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในวันศุกร์นี้
ธนาคารกลางจีนกลับมาซื้อทองคำเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังจากหยุดซื้อติดต่อกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมผ่านมา นอกจากนี้ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโร และรัฐบาลจีน ได้ส่งสัญญาณจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเชิงรุกในปี 2025 เช่น การปรับลดดอกเบี้ยสำคัญ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี การแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์เรื้อรัง เป็นต้น เพื่อตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ระดับ 5% ในปี 2025 โปลิตบูโรจีนจะมีการประชุมประจำปีในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์นี้
ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 27-28 มกราคม 2025 มีโอกาสที่ 50% จากเดิมที่ 60% ที่เฟดดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%
สำหรับราคาทองคำในช่วงแต่ละยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐใน 8 ปีผ่านมา พบว่าในช่วงเทอมที่ 1 ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 54% ในระหว่างปี 2016-2020 ต่อมาในช่วงประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 นายโจ ไบเดน พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 50% ในระหว่างปี 2020-2024