ทิสโก้ห่วงสินเชื่อรถมีแนวโน้มเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น เหตุความสามารถในการชำระหนี้น้อยลง

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เผยผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อที่ขยายตัวถึง 7.2% ในกลุ่มสินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อยในกลุ่มธุรกิจจำนำทะเบียน ผ่านช่องทาง “สมหวังเงินสั่งได้” ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.6%

โดยทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาดขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.22% ของสินเชื่อรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 5,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.1% หรือ 4,577 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง

ส่วนสินเชื่อรถยนต์ก็มีแนวโน้ม NPL เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ที่น้อยลง ปริมาณรถยึดในระบบก็สูงขึ้น สถาบันการเงินเองจึงต้องประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสียมาก

สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 234,815 ล้านบาท ขยายตัว 7.2% จากปี 2565 โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียน “สมหวังเงินสั่งได้” ที่เพิ่มขึ้นกว่า 25% ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อชะลอตัว โดยบริษัทต้องดำเนินนโยบายปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย เศรษฐกิจเองก็มีความไม่แน่นอน ซึ่งการปล่อยสินเชื่อรายย่อยจะพิจารณาตามความเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ และภาระหนี้ของลูกค้า รวมถึงปรับกระบวนการติดตามหนี้ ต้องดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ปรับโครงสร้างหนี้ก่อนมีปัญหา และให้คำปรึกษาในการรวมหนี้เพื่อให้ลูกค้ามีภาระดอกเบี้ยที่ลดลง