นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 9 แห่งในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลลูกค้าธนาคารประเภทเจ้าของธุรกิจ พบว่าในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี สะท้อนจากสัดส่วนหนี้เสีย หรือหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งผิดนัดชำระเกิน 90 วัน ขึ้นมาอยู่ที่ 3.16% และสินเชื่อก่อนจะเข้าสู่สินเชื่อหนี้เสีย ซึ่งผิดนัดชำระหนี้ระหว่าง 31-90 วัน หรือ SM ขึ้นมาอยู่ที่ 7.17%
ข้อมูลบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) หรือเครดิตบูโร พบว่าบัญชีลูกหนี้ธุรกิจไตรมาสที่ 1 ปี 2568 พบว่า ภาพรวมหนี้เอ็นพีแอล และ SM อยู่ที่ 5.03% ของสินเชื่อ ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสที่ 4 ในปี 2567 อยู่ที่ 5.02% อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดังกล่าวมีทิศทางแย่ลง และกลับสูงเมื่อเปรียบเทียบในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นั่นหมายถึงความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจยังคงไม่เป็นปกติจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้าและไม่ทั่วถึง
หากพิจารณาตามขนาดของธุรกิจจะพบว่า ธุรกิจขนาดเล็กจะมีสัญญาณหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น กลุ่มธุรกิจขนาดจิ๋ว (Super Micro) ที่มียอดคงค้างสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท มีหนี้เสียสูงมากที่สุดขอบทุกขนาดธุรกิจถึง 14.81% ของสินเชื่อรวม กลุ่มธุรกิจไมโคร (Micro) ซึ่งมียอดสินเชื่อคงค้างตั้งแต่ 5-20 ล้านบาท มีหนี้เสียอยู่ที่ 12.11%
ธุรกิจขนาดเล็ก (Small) ที่มียอดคงค้าง 20-100 ล้านบาท มีหนี้เสียอยู่ที่ 9.75% กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Medium) ที่มียอดสินเชื่อคงค้าง 100-500 ล้านบาท มีหนี้เสียที่ 6.51% และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (Large) ที่มียอดสินเชื่อคงค้างมากกว่า 500 ล้านบาท มีหนี้เสียอยู่ที่ 1.37%
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์มีการดูแลคุณภาพหนี้เชิงรุก และจากมาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ส่งผลให้ตัวเลขผิดนัดชำระหนี้ระหว่าง 31-90 วัน หรือ SM ทยอยปรับลดลงทุกกลุ่มตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 เป็นต้นมา
