นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย คาดว่าราคาข้าวเปลือกในประเทศช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการนำเข้าข้าวไทยที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะออเดอร์จากจีนจำนวน 500,000 ตัน และจากสิงคโปร์อีก 100,000 ตัน ซึ่งเป็นแรงซื้อที่ช่วยพยุงตลาดข้าวไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการที่ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ตัดสินใจสั่งซื้อในช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดถือเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวปีนี้กลับปรับตัวดีขึ้นสวนทางกับฤดูกาล ส่งผลให้ผู้ส่งออก โรงสี และเกษตรกรต่างมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าวงจรข้าวปีนี้จะเป็นปีที่ดี
โดยความเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศครั้งนี้สะท้อนความต้องการข้าวไทยที่ยังแข็งแรงเกินคาด และทำให้ราคาภายในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ยังเป็นสินค้าที่ตลาดโลกต้องการสูง
ล่าสุดในวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้น บางพื้นที่ราคาขยับขึ้นถึงตันละ 700 บาท จากเดิม 15,100 บาทต่อตัน เป็น 15,800 บาทต่อตัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างมากในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าเองก็ปรับขึ้นเล็กน้อย จากราคา 6,100-6,800 บาทต่อตัน เป็น 6,100-6,900 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเหนียวคละและข้าวปทุมธานีแม้ทรงตัวในกรอบเดิม แต่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 14,300-15,800 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียวคละ 7,000-7,300 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,900 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกปทุมธานี 7,500-8,000 บาทต่อตัน สำหรับราคาวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 13,900-15,100 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียวคละ 7,000-7,300 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,800 บาทต่อตัน, และข้าวเปลือกปทุมธานี 7,500-8,000 บาทต่อตัน
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย คาดว่าราคาข้าวเปลือกในประเทศช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการนำเข้าข้าวไทยที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะออเดอร์จากจีนจำนวน 500,000 ตัน และจากสิงคโปร์อีก 100,000 ตัน ซึ่งเป็นแรงซื้อที่ช่วยพยุงตลาดข้าวไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการที่ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ตัดสินใจสั่งซื้อในช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดถือเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวปีนี้กลับปรับตัวดีขึ้นสวนทางกับฤดูกาล ส่งผลให้ผู้ส่งออก โรงสี และเกษตรกรต่างมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าวงจรข้าวปีนี้จะเป็นปีที่ดี
โดยความเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศครั้งนี้สะท้อนความต้องการข้าวไทยที่ยังแข็งแรงเกินคาด และทำให้ราคาภายในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ยังเป็นสินค้าที่ตลาดโลกต้องการสูง
ล่าสุดในวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้น บางพื้นที่ราคาขยับขึ้นถึงตันละ 700 บาท จากเดิม 15,100 บาทต่อตัน เป็น 15,800 บาทต่อตัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างมากในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าเองก็ปรับขึ้นเล็กน้อย จากราคา 6,100-6,800 บาทต่อตัน เป็น 6,100-6,900 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเหนียวคละและข้าวปทุมธานีแม้ทรงตัวในกรอบเดิม แต่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 14,300-15,800 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียวคละ 7,000-7,300 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,900 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกปทุมธานี 7,500-8,000 บาทต่อตัน สำหรับราคาวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 13,900-15,100 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียวคละ 7,000-7,300 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,800 บาทต่อตัน, และข้าวเปลือกปทุมธานี 7,500-8,000 บาทต่อตัน