นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงญี่ปุ่นแถลงข่าวว่าคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติอนุมัติเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นรวมมูลค่า 21.3 ล้านล้านเยน หรือ 135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.3 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย เงิน 17.7 ล้านล้านเยน หรือ 112,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณใช้จ่ายของรัฐบาลในภาพรวมทั่วไป ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับอดีตนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลชุดที่แล้ว
ในวงเงินงบประมาณ 17.7 ล้านล้านเยน หรือ 112,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้านล้านบาทนั้น จะมีสัดส่วนก้อนใหญ่ที่สุดคิดเป็น 11.7 ล้านล้านเยน หรือกว่า 2.34 ล้านล้านบาท ใช้เป็นเงินสนับสนุนมาตรการดูแลค่าครองชีพของประชาชนญี่ปุ่นทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งประกอบด้วย 3 ชุด ชุดแรกเป็นเงินจำนวน 500,000 ล้านเยน หรือกว่า 100,000 ล้านบาทใช้เป็นเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ครัวเรือนมูลค่า 7,000 เยน หรือกว่า 1,400 บาทนานเป็นเวลา 3 เดือนเริ่มมกราคมถึงสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 ชุดที่ 2 เป็นเงินจำนวน 400,000 ล้านเยน หรือกว่า 80,000 ล้านบาท เป็นเงินให้เปล่าเพียงครั้งเดียวกับเด็กญี่ปุ่นอายุ 18 ปี ได้คนละ 20,000 เยน หรือกว่า 4,000 บาทต่อคน และชุดที่ 3 เป็นงบประมาณอีก 2 ล้านล้านเยน หรือกว่า 400,000 ล้านบาท ตั้งเป็นเงินกองทุนเพื่อดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคทั่วประเทศญี่ปุ่น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ยังมีเงินงบประมาณมูลค่า 1.7 ล้านล้านเยน หรือกว่า 340,000 ล้านบาท ใช้สำหรับเป็นงบประมาณสำหรับด้านกระโหมและกิจการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยจะมีเงินงบประมาณราว 1.1 ล้านล้านเยน หรือกว่า 220,000 ล้านบาท ใช้เพิ่มด้านกลาโหมซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2% ของตัวเลขจีดีพีประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้มีการจัดเงินงบประมาณอีก 7.2 ล้านล้านเยน หรือกว่า 1.44 ล้านล้านบาท ใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติรวมถึงความเสี่ยงที่กระทบต่อความปลอดภัยของตลาดท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ แพคเกจการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นครั้งใหญ่ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤติโรคระบาด โควิด-19 ในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลกสามารถขยายตัวได้ปีละ 1.4% เป็นเวลานาน 3 ปีติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ภาวะ เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ที่เพิ่งผ่านไป พบว่าชะลอตัวลง -0.6% เพื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ทำสถิติเศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบหกไตรมาสติดต่อกัน สาเหตุจากผลกระทบของการใช้มาตรการภาษีตามตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลกระทบทั้งในภาพรวม และในรายอุตสาหกรรมหลักสำคัญกับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก