ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 24 ธันวาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.2% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.3% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิดลดลง -2.6% และ -2.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักวิเคราะห์ประเมินว่าภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาดโลกในระยะสั้นจากนี้ไป จะมีความต้องการบริโภคทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง เพื่อรับกับปัจจัยบวก เช่น รัฐบาลจีนประกาศออกพันธบัตรมูลค่ามากถึง 3 ล้านล้านหยวน หรือ 411,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.22 ล้านล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2025 จีนเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม ปี 2025 และแมคควอรีย์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชื่อดังแห่งหนึ่งของโลก เปิดเผยว่าในปี 2025 จะเกิดภาวะน้ำมันดิบมีมากกว่าความต้องการใช้ ส่งผลต้องปรับลดตัวเลขเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ลงมากถึง 9.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลจากเดิมที่เฉลี่ย 79.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 70.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทะยานแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปี
ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 20 ธันวาคมนี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 4 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2024