สำนักวิจัย บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ซึ่งอยู่ในสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกบลูมเบิร์ก โดยนายมิเชลล์ เหลียง นักวิเคราะห์อาวุโส บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยว่า ผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีนเกือบ 3 ใน 4 หรือเกือบ 75% เผชิญกับภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ที่สำคัญ ผู้ผลิตเหล็กหลายรายมีแนวโน้มที่จะล้มละลายในเร็วๆ นี้
บริษัทซินเจียง ปาอี้ ไอออน แอนด์ สตีล บริษัทกานซู จิ่ว สตีล กรุ๊ป และบริษัทอันหยาง ไอออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป เป็น 3 บริษัทที่เผชิญกับความเสี่ยงสูงสุดที่จะล้มละลาย ปิดกิจการ และอาจตกเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการเพื่อรวบรวมธุรกิจจากรายใหญ่
การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมเหล็กจะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ผลิตเหล็กในประเทศ รัฐบาลจีนต้องการให้อุตสหกรรมดังกล่าวมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยต้องการให้บริษัทผู้ผลิตเหล็ก 5 อันดับแรกควบคุมตลาด 40% ภายในปี 2025 และให้บริษัท 10 อันดับแรกครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 60%
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมจีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอยู่มาก
ก่อนหน้านี้ ไชน่า เป่าอู่ สตีล กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีนได้เตือนเมื่อเดือนสิงหาคมผ่านมาว่า อุตสาหกรรมเหล็กจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เลวร้ายกว่าในปี 2008 และ 2015 สาเหตุจากความต้องการในประเทศจีนที่ตกต่ำลงอย่างมากจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ในจีนส่งผลให้โรงงานเหล็กจีนจำเป็นต้องส่งออกเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดการตอบโต้ทางการค้าจากหลายประเทศที่กล่าวหาว่าจีนส่งเหล็กไปทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน