โฆษกฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทโรเบิร์ท บ๊อช จีเอ็มบีเอช หรือ Robert Bosch GmbH ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอายุมาอย่างยาวนานถึง 138 ปี ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีไลน์การผลิตสินค้าสำคัญ เช่น หัวเทียนรถยนต์ เครื่องมือช่าง ระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยระดับโลกจากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานเป็นจำนวนมากถึง 8,250 คนทั่วโลกภายในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยกลุ่มธุรกิจที่จะมีพนักงาน ถูกปลดออกในครั้งนี้จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจโมบิลิตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีและทั่วโลก
สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนผ่านอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้กลายเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะกับบริษัทบ๊อชเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับบริษัทอื่นๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่บริษัทจะต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันภายใต้สภาวะและเงื่อนไขที่ท้าทายมากที่สุด ธุรกิจโมบิลิตี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีควันซับซ้อนเป็นอย่างมาก
สำหรับการประกาศปลดพนักงานจำนวน 8,250 คนทั่วโลกในครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 2% ของจำนวนพนักงานทั่วโลกที่มีอยู่มากกว่า 429,000 คนซึ่งเป็นตัวเลขที่จ้างงานสิ้นสุดเมื่อสิ้นปี 2023 ผ่านไป
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนผ่านมา นายสตีเฟ่น ฮาร์ททุง ประธานบริษัทโรเบิร์ท บ๊อช จีเอ็มบีเอช หรือ Robert Bosch GmbH ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีไลน์การผลิตสินค้าสำคัญ เช่น หัวเทียนรถยนต์ เครื่องมือช่าง ระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยระดับโลกจากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ได้ประกาศเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการลดชั่วโมงทำงานของพนักงานในโรงงานหลายแห่ง ด้วยการเพิ่มจำนวนพนักงานที่ต้องถูกลดชั่วโมงทำงานเป็น 10,000 คน เพิ่มขึ้น 9,550 คน จากจำนวนเดิมที่ 450 คน ซึ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับการลดชั่วโมงทำงานดังกล่าวจะมีผลกับพนักงานในประเทศเยอรมนี จากเดิมทำงานระหว่าง 38-40 ชั่วโมง มาเหลือ 35 ชั่วโมง หรือลดลงมากถึง 12% จะเริ่มมีผลวันที่ 1 มีนาคม 2025 เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนผ่านมา บ๊อช จีเอ็มบีเอช ได้ข้อสรุปปลดพนักงานจำนวน 5,550 คน โดยจะทยอยปลดในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ไป สำหรับแผนการปลดพนักงานดังกล่าวจะมีจำนวน 3,500 คนภายในสิ้นปี 2027 ในสายงานบริการและพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในทุกแผนกของบริษัท ในจำนวนดังกล่าวจะเป็นพนักงานครึ่งหนึ่ง หรือ 1,750 คนที่จะต้องตกงานในโรงงานที่ประเทศเยอรมนี สาเหตุจากตลาดระบบช่วยเหลือขับอัตโนมัติอัจฉริยะ และตลาดบริการโซลูชั่นสำหรับการขับอัตโนมัติ ล้วนตกต่ำและซบเซา
ภายในปี 2032 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า บ๊อชมีแผนการปลดพนักงานจำนวน 750 คนที่โรงงานฮิลเดไชม์ ประเทศเยอรมนี ในจำนวนดังกล่าวจะมีพนักงานจำนวน 600 คนถูกปลดออกภายในสิ้นปี 2026 นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างปี 2027-2030 บ๊อชจะปลดพนักงานจำนวนมากถึง 1,300 คนในแผนกผลิตระบบขับเคลื่อนรถยนต์ที่โรงงานชเวบิช กูเมนด์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองสตุ๊กการ์ท ประเทศเยอรมนี
(หน้า 2/2) สถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะตลาดรถยนต์ที่ซบเซาต่อเนื่อง ทำให้แผนการปลดพนักงานเพิ่มเติมขึ้นอีกจากที่ประกาศไปเมื่อช่วงสิ้นเดือนตุลาคมผ่านมาว่าจะปลดพนักงานครั้งใหญ่จำนวน 7,000 คนในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้
สาเหตุจากอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนีเผชิญกับภาวะซบเซาชัดเจน โฟล์คสวาเก้น เอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเยอรมนี มีผลกำไรดำดิ่งมากที่สุด และต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี ทำให้ต้องตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ด้วยการปลดพนักงานจำนวนมาก สั่งปิดโรงงานผลิตรถยนต์กว่า 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 8 ทศวรรษ และตัดลดเงินเดือนรวมผลตอบแทนของพนักงานลงมากถึง 10% จากอัตราปัจจุบัน ส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทบ๊อช จีเอ็มบีเอช ในปี 2024 นี้ จะลดต่ำลงกว่าในปี 2023 ที่ทำได้ 92,000 ล้านยูโร หรือกว่า 3.36 ล้านล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนจากการขายในปีนี้คาดการณ์ว่าจะเหลือเพียง 4% ลดต่ำจากคาดการณ์ว่าจะต้องเติบโตกว่า 5%
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2024 บริษัทโรเบิร์ท บ๊อช จีเอ็มบีเอช ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 1,500 คนขึ้นไป โดยพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออกในครั้งนี้อยู่ในโรงงานผลิตทั้ง 2 แห่งในประเทศเยอรมนี สาเหตุจากบริษัทบ๊อชไม่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ที่ต้องปรับจำนวนการจ้างพนักงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์คำสั่งซื้อ โครงสร้างตลาดของยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลง และการเจาะเข้าถึงของเทคโนโลยีใหม่ๆในอนาคต นอกจากนี้ พนักงานที่เข้าข่ายจะต้องถูกปลดในรอบนี้ ได้แก่ ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายธุรการ และฝ่ายขาย ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ที่โรงงานฟิวเออร์บัค และโรงงานชวิเบอร์ดิงเกนภายในปี 2025