นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า มองไป 5 ปีข้างหน้า มีข้อมูลจากองค์กรต่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดเศรษฐกิจไทยเติบโต 2.7% แต่ค่าเฉลี่ยในอาเซียนเติบโต 4.5% ซึ่งต่ำกว่าประเทศอื่น เพราะ 1.ปัญหาเชิงโครงสร้าง 2.ผลิตภาพ 3.ประสิทธิภาพภาครัฐ โดยไม่มีใครอยากลงทุนในประเทศ แต่มีแต่คนอยากใช้เงินกระตุ้นโดยไม่ได้มองระยะยาวและความยั่งยืน สะท้อนโครงสร้างที่ไม่มีใครอยากลงทุนในไทย
ทั้งนี้ มาจากข้อมูลดัชนีจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สัดส่วน 65% ที่มีราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book) ต่ำ ทำให้ไม่มีใครอยากมาลงทุน และสภาพคล่องในประเทศไหลออกลงทุนต่างประเทศผ่าน FIF Fund (Foreign Investment Fund) รวมทั้งบริษัทในไทยไปลงทุนต่างประเทศเป็นมูลค่าหลายล้านล้านบาท ซึ่งเกิดคำถามว่าทำไมไม่ไปลงทุนในประเทศ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่อง ปล่อยสินเชื่อผ่านตลาด Repo กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และซื้อพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท.เฉลี่ย 5 ล้านล้านบาท แต่สภาพคล่องไม่ถูกหล่อเลี้ยงในระบบอย่างเอสเอ็มอี คนตัวเล็ก เพราะกลุ่มนี้มีผลต่อการจ้างงานประเทศสูง 70% ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนสูง ประชากรอายุมาก ซึ่งมองว่าถ้าจะพลิกฟื้นออกจากกับดักมี 2 เรื่อง คือ ต้องใช้เทคโนโลยี และความยั่งยืน โดยอาจเป็นจุดพลิกผันออกจากกับดักเพราะประเทศไทยอ่อนแอ ไม่มีความสามารถในการสร้างรายได้ในระดับภาคครัวเรือน และผู้ประกอบการรายย่อย
ขณะที่ กกร.มองนโยบาย Quick Big Win เป็นเรื่องสำคัญ และได้เสนอแนะความร่วมมือการปฏิรูปประเทศผ่าน Reinvent Thailand และมีความร่วมมือระหว่าง กกร. และหน่วยงานเศรษฐกิจ เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และอยู่ระหว่างหาแนวร่วม เช่น ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ , สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) , สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ
“ควรต้องเร่งโฟกัสอยู่บนฐานความโปร่งใส และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดย กกร. มองสามปัญหาพยายามเปิดเผยข้อมูลทั้งเศรษฐกิจนอกระบบ , หนี้นอกระบบ และดัชนีคอร์รัปชัน เป็นเป้าหารือในวงสาธารณะอยู่บนข้อเท็จจริงเป็นหลักที่ควรจะเป็น นำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ไปสู่การแก้กฎหมายบนหลักนิติธรรม หวังการเพิ่มทักษะให้คนไทย แรงจูงใจต้องให้เข้ามาในระบบ เช่น คนละครึ่งพลัส ที่ให้คนเสียภาษีมีแรงจูงใจมากขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นเชิงสัญลักษณ์” นายผยง กล่าว